tag:blogger.com,1999:blog-12408954029349777692024-03-19T03:14:15.378-07:00A love manman.Welcome. alovemanman.blogspot.Love is life. Have you ever been in love or blanklifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comBlogger51125tag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-59721529252800655692023-05-07T17:14:00.001-07:002023-05-07T17:14:39.994-07:00หนุ่มไทย สักทะเบียนสมรสที่แขน เป็นของขวัญวันแห่งความรัก เพื่อพิสูจน์รักแท้ให้ภรรยา<p style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjg5JXlWhuzYxUQiFaJOKutXdngrOBpYx5ULZJYO356UZabqm7iZq2DCxeGyIypkO6C_4REC8duvkzSPtIQ-asXeJ_czouYhwhbH1PY83QBf5hKYXmZns3688a1vKCgXmS1nyqumlSp5U8/s1600/IMG_ORG_1683504705410.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjg5JXlWhuzYxUQiFaJOKutXdngrOBpYx5ULZJYO356UZabqm7iZq2DCxeGyIypkO6C_4REC8duvkzSPtIQ-asXeJ_czouYhwhbH1PY83QBf5hKYXmZns3688a1vKCgXmS1nyqumlSp5U8/s1600/IMG_ORG_1683504705410.jpeg" alt="" width="640" height="335" data-original-width="764" data-original-height="401"></a></p><p>หนุ่มไทย สักทะเบียนสมรสที่แขน เป็นของขวัญวันแห่งความรัก เพื่อพิสูจน์รักแท้ให้ภรรยา</p>
<p><span style="font-size: 14pt;">หนุ่มไทยเซอร์ไพรส์ภรรยาด้วยการสักทะเบียนสมรสที่แขนเป็นของขวัญวันวาเลนไทน์</span></p><div style="text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjve4pkA9Ib-CFIT9mjDDSwwSd58J7QtgIhvctbIylyZ8tJ1XQA_BpDj2sEHUHfzuMfzMiaRZ7jFFLqHKY4UvJAfWZX_zz7YTt40fkDveHMJxMy5vu7B6GJ3CJJreuwfk5jYh_Vp-ARJOc/s1600/IMG_ORG_1683504748020.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjve4pkA9Ib-CFIT9mjDDSwwSd58J7QtgIhvctbIylyZ8tJ1XQA_BpDj2sEHUHfzuMfzMiaRZ7jFFLqHKY4UvJAfWZX_zz7YTt40fkDveHMJxMy5vu7B6GJ3CJJreuwfk5jYh_Vp-ARJOc/s1600/IMG_ORG_1683504748020.jpeg" alt="" width="194" height="259" data-original-width="194" data-original-height="259"></a></div></div><p></p>
<p>ร้านสักลายแห่งหนึ่งในแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ภาคกลางของประเทศไทย แชร์รูปภาพหนึ่งในโปรเจ็กต์ล่าสุดของพวกเขา รอยสักสำเนาทะเบียนสมรสขนาดเท่าตัวจริงบนแขนของบุคคลหนึ่ง </p>
<p>เห็นได้ชัดว่าลูกค้าต้องการทำให้ภรรยาของเขาประหลาดใจด้วยการแสดงความรักที่เขามีต่อเธอ ดังนั้นเขาจึงขอให้ช่างสักสักหมึกในทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการบนแขนของเขาอย่างถาวร</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgsb-smACiBuhhZhUbXvLVC-tKzi56qZOEAWWhbAK7gyKcAMMrWPpb2NuTFN-cPdhTu1WqvVWMvhBO3GrhRreENgjvMWDzUb8fhj1TsYOCriCDwF8-bXXTbRK8SOlMuIb88dX8X0zsvL7s/s1600/IMG_ORG_1683504757338.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgsb-smACiBuhhZhUbXvLVC-tKzi56qZOEAWWhbAK7gyKcAMMrWPpb2NuTFN-cPdhTu1WqvVWMvhBO3GrhRreENgjvMWDzUb8fhj1TsYOCriCDwF8-bXXTbRK8SOlMuIb88dX8X0zsvL7s/s1600/IMG_ORG_1683504757338.jpeg" alt="" width="640" height="359" data-original-width="739" data-original-height="415"></a></div>
<p>แทนที่จะให้ดอกไม้กับภรรยาของเขาและช็อคโกแลตหนึ่งกล่องเหมือนปกติ</p>
<p>นายวัล วัย 34 ปีตัดสินใจเซอร์ไพรส์ภรรยาที่คบกันมา 8 ปีด้วยของขวัญที่พิเศษจริงๆ นั่นคือการสักสำเนาทะเบียนสมรสถาวรพร้อมดอกไม้ กรอบและรอยประทับตราประทับบนผิวการตนเอง</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhF4zEi_DYiI2IQ2bVTC6BCVChT9Z2OIPL5du-MfJBQs3tRmKIXblE21nTzJlQIyPxaxEIEt8icreC2fW6rOpdEDER3jRAHOqGOP1oxWYcfyAgZbuos52ktS9koBsxr6T50PTlm8YTNAXM/s1600/IMG_ORG_1683504767779.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhF4zEi_DYiI2IQ2bVTC6BCVChT9Z2OIPL5du-MfJBQs3tRmKIXblE21nTzJlQIyPxaxEIEt8icreC2fW6rOpdEDER3jRAHOqGOP1oxWYcfyAgZbuos52ktS9koBsxr6T50PTlm8YTNAXM/s1600/IMG_ORG_1683504767779.jpeg" alt="" width="511" height="640" data-original-width="650" data-original-height="813"></a></div>
<p>นายวัลใช้เวลา 8 ชั่วโมงบนเก้าอี้ <br>สักตัว แต่เขาอ้างว่ามันคุ้มค่าที่จะทำให้ภรรยาที่รักของเขามีความสุข เห็นได้ชัดว่าภรรยาของเขาตกใจเล็กน้อยกับของขวัญของเขา แต่เธอก็ยอมรับว่ามันเป็นเครื่องพิสูจน์ความรักและสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของเขา</p>
<p>“รอยสักนี้เป็นเหมือนเครื่องเตือนใจฉัน ทุกครั้งที่ทะเลาะหรือมีความเห็นไม่ลงรอยกัน</p>
<p>ฉันจะดูรอยสักทะเบียนสมรสเพื่อระลึกถึงวันที่เราทั้งคู่ยังรักและคลั่งไคล้ซึ่งกันและกัน ลดอัตตาส่วนตัวลง อดทนทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวมีความสุขและเลี้ยงลูกให้ประสบความสำเร็จ นายวัลกล่าวว่า</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgH1b-RDrvmIYOkcokALO1L-8-gfcnAOX8YfTXrzXKZ30u22zFgAblKy7g-edPb3pxT3IT0e3Qd-npsh8prYQI0GG7XuXsR4IPfG0bMGHEVcXyg6I8qWth38HIxyxfj1314XG6e0hZlKW4/s1600/IMG_ORG_1683504779213.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgH1b-RDrvmIYOkcokALO1L-8-gfcnAOX8YfTXrzXKZ30u22zFgAblKy7g-edPb3pxT3IT0e3Qd-npsh8prYQI0GG7XuXsR4IPfG0bMGHEVcXyg6I8qWth38HIxyxfj1314XG6e0hZlKW4/s1600/IMG_ORG_1683504779213.jpeg" alt="" width="511" height="640" data-original-width="650" data-original-height="813"></a></div>
<p>ภาพถ่ายของรอยสักที่ผิดปกติกลายเป็นไวรัลบน Facebook ในสัปดาห์นี้ ดึงดูดความคิดเห็นเชิงบวกมากมายที่ยกย่องความรักที่ชายคนนี้มีต่อภรรยา</p>
<p>“นี่คือสิ่งที่เรียกว่า 'การกระทำดังกว่าคำพูด' บทพิสูจน์ความรักนี้สมควรได้รับเสียงปรบมือ” คนหนึ่งเขียน</p>
<p>“ด้วยความรักที่ลึกซึ้ง ฉันหวังว่าความสุขของพวกเขาจะคงอยู่ตลอดไป” คนอื่นแสดงความคิดเห็น</p>
<p style="text-align: center;"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/J5DoYdaIYW4" width="300" height="400" frameborder="0" scrolling="no" allowfullscreen="allowfullscreen"></iframe></p><script async="" src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619" crossorigin="anonymous"></script>lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-47620325895222075902022-07-25T16:51:00.000-07:002022-07-25T16:51:56.544-07:00ข้อคิดดีๆในการมองหาคู่แท้<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHYMg44IH-hVsn39KkVOd3qWUYc3ryjUBUhURadMsCqHO0VMVODAz2fD2trepRSrW9kSfsTURqcxJjr5XPMpEvwL8lZINqZ0EoT9AnZ2-WJM_iTj1r8Uf8bRgiFuJyqNtq5LIBDTkZfcc/s1600/IMG_ORG_1658793030725.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHYMg44IH-hVsn39KkVOd3qWUYc3ryjUBUhURadMsCqHO0VMVODAz2fD2trepRSrW9kSfsTURqcxJjr5XPMpEvwL8lZINqZ0EoT9AnZ2-WJM_iTj1r8Uf8bRgiFuJyqNtq5LIBDTkZfcc/s1600/IMG_ORG_1658793030725.jpeg" alt="" width="640" height="640" data-original-width="1080" data-original-height="1080"></a></div><br>กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว........ <br>มีครูกับลูกศิษย์นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ซึ่งใกล้กับสนามหญ้าอันกว้างใหญ่ <br>ทันใดนั้น ลูกศิษย์คนหนึ่งก้อถามขึ้นมาว่า <br><br>ลูกศิษย์ : อาจารย์คับ ผมสงสัยจังเลยว่า <br>เราจะหาคู่แท้ของเราเจอได้ไงคับอาจารย์ <br>บอกผมหน่อยได้ไหมคับ ? <br><br>อาจารย์ : ( เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่จะตอบ) <br>อืม มันเป็นคำถามที่ยากนะ <br>แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นคำถามที่ง่ายเหมือนกันนะ <br><br>ลูกศิษย์ นั่งคิดอย่างหนัก) <br>อืม ?.... งงอะไม่เข้าใจ <br><br>อาจารย์ : โอเค งั้น <br>เธอลองมองไปทางนั้นนะ ตรงนั้นน่ะ <br>มีหญ้าเยอะแยะเลยใช่ไหม <br>เธอลองเดินไปหาหญ้าต้นที่สวยที่สุด <br>แล้วเด็ดมาให้ครูสิ ต้นเดียวเท่านั้นนะ <br>แต่ว่าเวลาเธอเดินเนี่ยเธอต้องเดินไปข้างหน้าอย่างเดียวนะ <br>ห้ามเดินถอยหลัง เข้าใจไหม <br><br>ลูกศิษย์ :ได้เลยครับ จาน รอสักครูน่ะครับ <br>( ว่าแล้วก้อวิ่งตรงไปยังสนามหญ้า) <br>หลังจากนั้นไม่นาน.... <br><br>ลูกศิษย์ : ผมกลับมาแล้วครับจาน <br><br>อาจารย์ :อืม...แต่ทำไมครูไม่เห็นต้นหญ้าสวย ๆ <br>ในมือเธอเลยหละ <br><br>ลูกศิษย์ : อ๋อ คืองี้ครับจาน <br>ตอนที่ผมเดินไปแล้วผมเจอต้นหญ้าสวยๆเนี่ย <br>ผมก้อก้อคิดว่า เออ เดี๋ยวก้อคงเจอต้นที่สวยกว่านี้ <br>ดังนั้นผมก็เลยไม่เด็ดมัน แล้วผมก็เดินไปเรื่อย <br>รู้ตัวอีกที <br>มันก็สุดสนามหญ้าแล้วครับจะเดินกลับก้อไม่ได้ <br>เพราะจานสั่งห้ามไว้ <br><br>อาจารย์ : นั่นแหละ <br>คือสิ่งที่จะเกิดขึ้นในชีวิตจริงหละ <br>เรื่องนี้ต้องการที่จะสื่ออะไรกับเรา <br><br>ต้นหญ้า ก็คือ คนที่อยู่รอบ ๆ ตัวคุณ <br><br>ต้นหญ้าที่สวยงาม ก็คือคนที่คุณชอบ <br>หรือคนที่ดึงดูดคุณนั่นแหละ <br><br>ทุ่งหญ้าก็คือ เวลา เวลาที่คุณจะหาคู่แท้ของคุณ <br><br>อย่ามัวแต่เปรียบเทียบ <br>แล้วคิดว่าคงจะมีที่ดีกว่านี้ เพราะถ้าคุณ มัวแต่เปรียบเทียบ <br>คุณจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ <br><br>อย่าลืมว่า ' เวลาไม่เคยย้อนกลับ '<div><br><div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIibFGIhAAt8UI4ST9rzCB9zg3ZEJofGofit_KCbq-Mqn1hYtKXJiRnDvAnFdhiHuXKLfNHPUt-YJ_x0okLpoeXji08FBFikfK3OKu8TT3fgzG8O7gh2R8VEkns7zwDk9CPqCNJlTaRMs/s1600/IMG_ORG_1658793059936.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIibFGIhAAt8UI4ST9rzCB9zg3ZEJofGofit_KCbq-Mqn1hYtKXJiRnDvAnFdhiHuXKLfNHPUt-YJ_x0okLpoeXji08FBFikfK3OKu8TT3fgzG8O7gh2R8VEkns7zwDk9CPqCNJlTaRMs/s1600/IMG_ORG_1658793059936.jpeg" alt="" width="640" height="448" data-original-width="720" data-original-height="504"></a></div><div style="text-align: center;"> </div>ไม่ใช่แค่ความรักเท่านั้น <br>เรื่องนี้ ยังสามารถใช้ได้กับการหาคนที่จะมาทำงานร่วมกับคุณในชีวิต <br>หรือแม้กระทั่งงานที่เหมาะสมกับคุณ <br><br>ดังนั้น มันจึงเป็นสัจธรรมที่ว่า <br>จงรัก และไขว่คว้าโอกาสที่คุณมีในขณะนี้ <br><script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619"
crossorigin="anonymous"></script>
อย่ามัวแต่เสียเวลา <br>บางครั้งคนเราก็มีโอกาสเลือกแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
<p style="text-align: center;"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/BB9I_h8FrsU" width="400" height="300" frameborder="0" scrolling="no" allowfullscreen="allowfullscreen"></iframe></p></div></div>lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-14505422941472261552022-07-25T16:48:00.000-07:002022-07-25T16:48:07.595-07:00ข้อคิด ข้อเตือนใจ เรื่องความรัก<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEimETteZXx1uHz3Vt3sTSdu7ZgG0PeI9u5F4Rh7L9HUxASvDWgg9tzTbqOcoi0bC65qXzaQB0TRzCNuWj43fjk161Ls5eK4qPqEw6Zia-HviUBz0searhmrlyXZPAoYUDPNMIiHMkpotUw/s1600/IMG_ORG_1658792868050.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEimETteZXx1uHz3Vt3sTSdu7ZgG0PeI9u5F4Rh7L9HUxASvDWgg9tzTbqOcoi0bC65qXzaQB0TRzCNuWj43fjk161Ls5eK4qPqEw6Zia-HviUBz0searhmrlyXZPAoYUDPNMIiHMkpotUw/s1600/IMG_ORG_1658792868050.jpeg" alt="" width="640" height="425" data-original-width="720" data-original-height="479"></a></div><br><br></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFcSXNIfVY8_WMkLK944CCFX_cMbxdall6jsi_LtM4D_IU7m4dxxv8Ek3YhgSoEsoryf5mM_uSZDYYGSsmk0S6uvjSc6q7gKXg5WIY7wqqzgSiA2mkJzcsMqHl7hy9cJzDBZ2qfiGVL6g/s1600/IMG_ORG_1658714517695.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFcSXNIfVY8_WMkLK944CCFX_cMbxdall6jsi_LtM4D_IU7m4dxxv8Ek3YhgSoEsoryf5mM_uSZDYYGSsmk0S6uvjSc6q7gKXg5WIY7wqqzgSiA2mkJzcsMqHl7hy9cJzDBZ2qfiGVL6g/s1600/IMG_ORG_1658714517695.jpeg" alt="" width="640" height="640" data-original-width="1080" data-original-height="1080"></a></div>
<p><strong>27 ข้อคิด ข้อเตือนใจ เรื่องความรัก</strong></p>
<p>❤️สำหรับบทความนี้ให้ข้อคิดคติเตือนใจสำหรับคนที่มีความรัก ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ความรักทำให้โลกนี้มีชีวิตชีวา</p>
<p>👉🏿ถ้าโลกนี้ปราศจากความรักทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในความหม่นหมองและหมองเศร้า...ไร้ชีวิตชีวา</p>
<p>😄มันเป็นเรื่องจริง...ที่ว่า..ที่ใดมีรักที่นั่นย่อมมีความสุข...แต่บางที...ที่ใดมีความรัก ที่นั้นย่อมมีความทุกข์ก็ได้...มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และ ความ สัมพันธ์ ที่เป็นไประหว่าง คนสองคน ที่มีความรักต่อกัน</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhS5hEWjDN17CRPHQNGMFvgcIn2RKf0I7baSb8VOMqEeiibdS3mBrOVB0t_t10-qTee6OWmKO88jDh52860OTLSrriDf12PfqcZdupvGQbeQBv1j3tUIiXdcvGwaoKxyOCublW5XSeqbH0/s1600/IMG_ORG_1658714529382.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhS5hEWjDN17CRPHQNGMFvgcIn2RKf0I7baSb8VOMqEeiibdS3mBrOVB0t_t10-qTee6OWmKO88jDh52860OTLSrriDf12PfqcZdupvGQbeQBv1j3tUIiXdcvGwaoKxyOCublW5XSeqbH0/s1600/IMG_ORG_1658714529382.jpeg" alt="" width="465" height="640" data-original-width="637" data-original-height="876"></a></div>
<p><strong>❤️27 ข้อคิด ข้อเตือนใจ เรื่องความรัก</strong><br>1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือการรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง</p>
<p>2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ท่าน ประทานมา</p>
<p>3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความ รู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว</p>
<p>4. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป</p>
<p>5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลงประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้นแต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตูที่เปิดไว้รอ</p>
<p>6. เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไรกันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกัน อย่างประทับใจที่สุด</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiijq2bDoNlQYVcDlMSGoR6EUdFyRmeEAKBbgMDZNorT4p7wpMpSA3RqVyS1I6_Q1Y7E4-7r7uUdqMuxiIs9a_97dKdMIG0xoTAOUiS1Pw7lq0xUaObnFSfGa46VzD2XRkZbd0wS8i-w0g/s1600/IMG_ORG_1658714540376.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiijq2bDoNlQYVcDlMSGoR6EUdFyRmeEAKBbgMDZNorT4p7wpMpSA3RqVyS1I6_Q1Y7E4-7r7uUdqMuxiIs9a_97dKdMIG0xoTAOUiS1Pw7lq0xUaObnFSfGa46VzD2XRkZbd0wS8i-w0g/s1600/IMG_ORG_1658714540376.jpeg" alt="" width="640" height="640" data-original-width="1080" data-original-height="1080"></a></div>
<p>7. เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา</p>
<p>8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเราเอง</p>
<p>9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ</p>
<p>10. อย่าบอกลาถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจ</p>
<p>11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน</p>
<p>12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_xB0xwQPD6NpGYSF4_gLLsRmPeDyhQFSRxlHc49NPp7ieSpLlL8SGsHU0yWHwZZrRkkt9lQgJEk360NhV_e2fHd4IY441oJd_jgUG7FaJnvgkknuNtx6boOrfzCGP6HiE8TgC9Mu4YAc/s1600/IMG_ORG_1658714552231.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj_xB0xwQPD6NpGYSF4_gLLsRmPeDyhQFSRxlHc49NPp7ieSpLlL8SGsHU0yWHwZZrRkkt9lQgJEk360NhV_e2fHd4IY441oJd_jgUG7FaJnvgkknuNtx6boOrfzCGP6HiE8TgC9Mu4YAc/s1600/IMG_ORG_1658714552231.jpeg" alt="" width="625" height="357" data-original-width="625" data-original-height="357"></a></div>
<p>13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้</p>
<p>14. มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขา มาจากความฝันเพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น</p>
<p>15. ฝันถึงสิ่งที่คุณต้องการฝัน ไปในที่ที่คุณต้องการไป เป็นในสิ่งที่คุณต้องการเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ</p>
<p>16. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข</p>
<p>17. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน</p>
<p>18. คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาละเทศะอาจลดความเครียด คำว่ารักอาจเยียวยาและทำให้มีสุข</p>
<p>19. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่ามันเป็นเพียงภาพสะท้อนของตัวเรา ที่ปรากฎในพวกเขา</p>
<p>20. คนที่มีความสุขที่สุดไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก</p>
<p>21. ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่ พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่า-ของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิต</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6nB9eHq_CRybH5oVaGXfnPoDi0fPvhsE7Jf9G7zTDtM8eRrW1oGbrlL96oV4VWXiXWXxdNU6o_A42L_BUDVj4_-USgiqVwSW5ZxbWZAjYRzmza32_Lav7viCosxSt-M8T0JzDAcGBGT0/s1600/IMG_ORG_1658714563933.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6nB9eHq_CRybH5oVaGXfnPoDi0fPvhsE7Jf9G7zTDtM8eRrW1oGbrlL96oV4VWXiXWXxdNU6o_A42L_BUDVj4_-USgiqVwSW5ZxbWZAjYRzmza32_Lav7viCosxSt-M8T0JzDAcGBGT0/s1600/IMG_ORG_1658714563933.jpeg" alt="" width="622" height="419" data-original-width="622" data-original-height="419"></a></div>
<p>22. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา</p>
<p>23. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่แสนเจ็บปวด คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ 24. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ</p>
<p>25. ความรักก็เหมือนกับการเสี่ยง คุณอาจจะต้องพบกับความล้มเหลว แต่ถ้าคุณไม่เสี่ยง คุณก็อาจจะต้องพบกับความล้มเหลวตลอดไป</p>
<p>26. ความรัก มักเหมือนแก้วบาง ถ้าหากคุณมือหนัก แก้วที่คุณถือ ก็อาจจะต้องแตกร้าวทุกครั้งที่คุณใช้มัน</p>
<p>27. ความรัก ง่ายที่เราจะหามัน แต่ยากที่จะรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป...</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEz2uK-UcUrqUkwta627BcS-PoDXY_LdDL61CQ-RR70uqCcNl3TL1wukkT7x0KvDLe9t-bwutQMeIEJUj5HGCcPrN-46FEgkVuqIr1UMXcV0dJGe2CI81hPug-smZ-7VbKfMxJCHHgQNI/s1600/IMG_ORG_1658714574443.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiEz2uK-UcUrqUkwta627BcS-PoDXY_LdDL61CQ-RR70uqCcNl3TL1wukkT7x0KvDLe9t-bwutQMeIEJUj5HGCcPrN-46FEgkVuqIr1UMXcV0dJGe2CI81hPug-smZ-7VbKfMxJCHHgQNI/s1600/IMG_ORG_1658714574443.jpeg" alt="" width="616" height="331" data-original-width="616" data-original-height="331"></a></div>
<p>บทสรุปตอนจบเรื่องข้อคิดข้อเตือนใจเรื่องความรัก...ความรัก มีทั้งสุขและทุกข์ปะปนกันไป ว่าแต่ใครจะพบกับความสุขและใครจะพบกับความทุกข์</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg31axv87hniuHLeSO5Ljelg4jljtTKVdO_UaGhbIxPxJfMDt9QCgbtOkf0MVU7atejCJAPa4cDEYK5tczt6-L4gy0LgCXmkneJ-ANdpMAcOMT4_Zyb5pt8Tq7Hw8pG-HP__5Nkswn2vq8/s1600/IMG_ORG_1658714589216.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg31axv87hniuHLeSO5Ljelg4jljtTKVdO_UaGhbIxPxJfMDt9QCgbtOkf0MVU7atejCJAPa4cDEYK5tczt6-L4gy0LgCXmkneJ-ANdpMAcOMT4_Zyb5pt8Tq7Hw8pG-HP__5Nkswn2vq8/s1600/IMG_ORG_1658714589216.jpeg" alt="" width="435" height="640" data-original-width="630" data-original-height="925"></a></div>
<p>🥰ผมก็มีคลิปประกอบบทความซึ่งตัดต่อเอาไว้นานแล้วครับ..น่าจะเข้ากับบทความนี้บ้างพอสมควร... ความรัก ความทุกข์ บทเพลงนี้เนื้อหาข้อความบทเพลงให้ความหมายได้ดีมากๆๆ</p>
<p style="text-align: center;"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/_JTwqDChg4Y" width="400" height="300" frameborder="0" scrolling="no" allowfullscreen="allowfullscreen"></iframe></p>
<script async="" src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619" crossorigin="anonymous"></script>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-86474495392740811372022-07-23T04:29:00.000-07:002022-07-23T04:29:31.665-07:00วิธีทำใจเมื่อโดนทิ้ง<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEje6dnqsTNFj32O0CAVWQPFlbN-tSPpE1FEOkxz_VaoZgs4hHCT7KAEM7qSsNmAz2Itp2yw91FaYTxmyeEFyYtpZR8maMb30gN-WqueiE5uKJYnZrCuNl_wBEREaHiAP_TCal4s2RfmrBw/s1600/IMG_ORG_1658575485847.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEje6dnqsTNFj32O0CAVWQPFlbN-tSPpE1FEOkxz_VaoZgs4hHCT7KAEM7qSsNmAz2Itp2yw91FaYTxmyeEFyYtpZR8maMb30gN-WqueiE5uKJYnZrCuNl_wBEREaHiAP_TCal4s2RfmrBw/s1600/IMG_ORG_1658575485847.jpeg" alt="" width="640" height="640" data-original-width="1080" data-original-height="1080"></a></div>
<p><strong>7วิธีทำใจเมื่อ...คุณโดนทิ้ง สลัดรัก อกหัก รักคุด</strong></p>
<p>บทความนี้สำหรับคนที่กำลังอกหัก รักคุดหรือ ว่ากำลังโดนแฟนทิ้ง บอกเลิกสารพัดที่ทำให้คุณรู้สึกเศร้า สลดหดหู่</p>
<p>สำหรับชายหนุ่มหรือหญิง สาว ที่กำลังอยู่ในอาการเหล่านี้ ผมมีวิธีทำใจเมื่อคุณโดนทิ้งสลัดรักหักอกมาฝากครับ</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6CzmT2SqAyxj7iX1_cBDglnPOC1BHQnk6ynUaJXOUyD0EqiwL4GVKop1pEn-OlyWpU3LNUGfE89W-10Orm56QNG7grQ9WviRhGJfILJzkIs9dsw63iFj3hhkcEgUNNyGq2KaFYaRTgf8/s1600/IMG_ORG_1658575501142.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6CzmT2SqAyxj7iX1_cBDglnPOC1BHQnk6ynUaJXOUyD0EqiwL4GVKop1pEn-OlyWpU3LNUGfE89W-10Orm56QNG7grQ9WviRhGJfILJzkIs9dsw63iFj3hhkcEgUNNyGq2KaFYaRTgf8/s1600/IMG_ORG_1658575501142.jpeg" alt="" width="640" height="448" data-original-width="720" data-original-height="504"></a></div>
<p>เมื่อคุณอ่านบทความนี้...บางทีอาจจะทำให้คุณเห็นปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาความรักที่ลืมไม่ได้ ลืมไม่ลง เมื่อโดนสลัดรักของคุณก็ได้นะครับ</p>
<p>👩❤️💋👨สิ่งใดใดในโลกล้วนอนิจจัง ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน<br>มีวันรัก อาจต้องมี วันเลิก ชีวิตมีหลากรสชาติ สุข-เศร้า-เหงา-รัก เพราะฉะนั้น เรื่องอกหักเป็นเรื่องธรรมดา</p>
<p>ใครไม่เคยนับว่าแปลกเอาการ อาจ เป็นเพราะไม่เคย โดนรัก หรือ ได้รักใคร เรื่องความสุขของความรักไม่ต้องพูดถึง มันเป็นเรื่องดี ๆ รูปแบบเฉพาะของใครของมัน ที่มีแต่สีสันอ่อนหวาน เผ็ดร้อน หรือแสบสัน เฉพาะคู่ ทว่า อีกด้านของความรัก กลับมีแต่สีขาวดำหม่นปนเทา ๆ</p>
<p>นั่นเป็นเพราะฤทธาของความรักที่กระชากเอาหัวใจไปตั้งแต่วันแรกที่รักเริ่ม กระทั่งวันสุดท้ายที่รักลา ก็ไม่เห็นเอาหัวใจคุณกลับมาไว้ที่เดิม หัวใจคุณหายไปไหน วิญญาณของคุณหายไปกับหัวใจไปด้วยหรือเปล่า กี่วัน กี่เดือน กี่ปีแล้ว ที่ใช้ชีวิตอย่างไม่มีหัวใจและวิญญาณ ตามมันกลับมาอยู่ที่เดิมเถอะ</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg5A27oprN2EpzxxKy8M6FeD-kbStpfZY0q45rQz-OusWq5kZ1aN0ChasVSyrlX0GSNibQe4zi1MpJA9Xw6bGk1NM8swAgohkj8WJ-7zIaTvv-MK_XdhzAzT5MN4Cixu6UohScwCNMig6o/s1600/IMG_ORG_1658575512646.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg5A27oprN2EpzxxKy8M6FeD-kbStpfZY0q45rQz-OusWq5kZ1aN0ChasVSyrlX0GSNibQe4zi1MpJA9Xw6bGk1NM8swAgohkj8WJ-7zIaTvv-MK_XdhzAzT5MN4Cixu6UohScwCNMig6o/s1600/IMG_ORG_1658575512646.jpeg" alt="" width="618" height="463" data-original-width="618" data-original-height="463"></a></div>
<p><strong>❤️วิธีที่1 พุ่งเป้าไปที่อาชีพการงาน</strong> ละเลยมันมาเนิ่นนานเพราะห้วงความรักพาไปใช่ไหม ถึงเวลาแล้ว ที่คุณค่าของชีวิตคุณจะกลับมา ยามอกหัก</p>
<p>คุณจะพบว่าเวลาในชีวิตนั้นช่างล้นเหลือ จนต้องนั่งจมจ่อม ซึมเศร้า เอาแต่นึกถึงความหลังครั้งเก่า ใช้เวลาที่เหลืออยู่อย่างมีคุณค่า ด้วยการทำแต่งาน ๆ ๆ นั่งกำหนดเป้าหมายในชีวิตด้านการงานแล้วมุ่งมั่นกับมันไป ทดแทนความรักที่หล่นหาย ใครจะว่าประชดก็ต้องยอมรับ การทำงานจะทำให้คุณไม่มีเวลาว่าง และจะเพิ่มความสำคัญของตัวคุณแบบออโตเมติก ต่อโลกใบนี้อย่างไม่น่าเชื่อ ใครจะรู้ว่าผลแห่งการประชดจะทำให้คุณมีพลังสร้างสรรค์ได้ถึงเพียงนี้</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3dg5wRH-zFN8RnflTTTW0pfhvaCJMx6OYyVSLQRqfwZWbaVfyRWpY5cmdpOVll9p7u3Pg08RpIXtSdCmgHeiW10xnElwKc1rwvbvBEJxO2FvC0oqDBy_jHwGLiMgKtG4NIsNk1NOnoZo/s1600/IMG_ORG_1658575530781.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3dg5wRH-zFN8RnflTTTW0pfhvaCJMx6OYyVSLQRqfwZWbaVfyRWpY5cmdpOVll9p7u3Pg08RpIXtSdCmgHeiW10xnElwKc1rwvbvBEJxO2FvC0oqDBy_jHwGLiMgKtG4NIsNk1NOnoZo/s1600/IMG_ORG_1658575530781.jpeg" alt="" width="640" height="359" data-original-width="643" data-original-height="361"></a></div><p><strong>😬 วิธีที่ 2 คิดถึงแต่เรื่องแย่ ๆ ของอดีตคนรัก</strong> ฟังดูมองโลกในแง่ร้ายเหลือเกิน ก็คงเป็นอย่างนั้นจริง ต้องยอมรับกันไป ถ้าเราต้องหยิบฉวยช่วงเวลาแย่ ๆ มาช่วยตัวเองให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้</p>
<p>ไม่ว่าจะเคยมีอะไรเกิดขึ้นบ้างในตอนนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูกในการเลิกราครั้งนี้ เรื่องดี ๆ มีไว้นึกถึง ตอนที่คุณเข้มแข็งกว่านี้แล้ว ส่วนเรื่องแย่ ๆ นั้นมีประโยชน์ไว้ให้คุณคิดเข้าข้างตัวเองว่าโชคดีเหลือทนแล้ว ที่คุณจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่หัวใจต้องบอบช้ำแบบนั้นอีก</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggJc7wlrZzMuVRlbDMt6cZLIXpRhlJrvd2UqPFl6gRjO8mEPaY_V5-anAIgfhvBUgJMDVFMACBp62ZU4ESuh13Nbqa6T24g-2_OkPR-ELT41ZPjIUdLtC-VaySmSxuDw9hq1xrZhyphenhyphenEl8g/s1600/IMG_ORG_1658575545657.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggJc7wlrZzMuVRlbDMt6cZLIXpRhlJrvd2UqPFl6gRjO8mEPaY_V5-anAIgfhvBUgJMDVFMACBp62ZU4ESuh13Nbqa6T24g-2_OkPR-ELT41ZPjIUdLtC-VaySmSxuDw9hq1xrZhyphenhyphenEl8g/s1600/IMG_ORG_1658575545657.jpeg" alt="" width="589" height="454" data-original-width="589" data-original-height="454"></a></div>
<p><strong>🙇วิธีที่ 3 เสแสร้งเพื่อมีแรง</strong>....ก้าวต่อไป ทำเป็นเนียน ๆ ว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตคุณมากมาย แม้หัวใจจะร้าวราน มนุษย์ที่เข้มแข็งจะก้าวผ่านช่วงเวลาเลวร้ายแบบนี้ไปได้ด้วยทัศนคติที่ดีต่อชีวิต ยกหูหาเพื่อนสนิทอารมณ์ดีสักคน</p>
<p>แล้วชวนกันออกไปทำอะไรมันส์ ๆ ด้วยกัน ดำน้ำ ดูปลา หรือเมาหัวราน้ำแบบเฮฮาอย่างไม่เคยเป็น เสียงหัวเราะอาจกลบเกลื่อนเสียงร้องไห้ในใจได้บ้าง ออกไปดูโลกดูผู้คน บำบัดใจ จะทำให้คุณได้มองเห็นเรื่องใหม่ ๆ ผู้คนใหม่ ๆ สิ่งใหม่ ๆ ที่เวียนว่ายอยู่รอบ ๆ ตัวเรา แต่ไม่เคยได้สังเกต ใส่ใจโลกรอบข้างดีกว่าหมกมุ่นแต่กับชีวิตของตัวเอง</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgS3g7JyJn5eGcnfmQUCOuyJmdWMnnYtJo9pZrtZ9zT3WaGbbt1FZ5H_243MUelM3_IuW6SzVJsWe4Vut9XrTSwNggMMVjf0bshxFxm6hUHXS9LUzq5_eNnJey3tR2ykg5sq8e8LYnLf58/s1600/IMG_ORG_1658575559069.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgS3g7JyJn5eGcnfmQUCOuyJmdWMnnYtJo9pZrtZ9zT3WaGbbt1FZ5H_243MUelM3_IuW6SzVJsWe4Vut9XrTSwNggMMVjf0bshxFxm6hUHXS9LUzq5_eNnJey3tR2ykg5sq8e8LYnLf58/s1600/IMG_ORG_1658575559069.jpeg" alt="" width="625" height="437" data-original-width="625" data-original-height="437"></a></div>
<p>🤭<strong>วิธีที่ 4 ปิดปากเงียบ</strong> บ่อยครั้งที่การพูดเป็นเหมือนการระบาย แต่ถ้าอยากลืมได้เร็ว ๆ ให้เลือกพูดเพียงครั้งเดียวกับเพื่อนที่คุณไว้ใจได้บนโลกใบนี้ ในไดอารี่อาจมีเพียงบทเดียว ที่บรรจุเรื่องราวของวันสุดท้ายของความรัก การพูดบ่อยครั้งเป็นเหมือนการย้ำคิด ย้ำความรู้สึก และจะมีแต่เรื่องราวอดีตคนรัก</p>
<p>วนเวียนอยู่ในหัวตลอดเวลา ถ้าคนเราห้าม ความรู้สึกกันได้คงจะดี คุณอาจทำสัญลักษณ์ไว้กระตุกใจยามที่คุณนึกถึงเขาขึ้นมาอีก เพื่อนก็ช่วยได้มากยามนี้ พยายามอย่าพูดสะกิดใจ แม้เพียงเล็กน้อย ช่วงนี้อาจอึดอัดกันหน่อยแต่ต้อง อดทน...แล้วผ่านมันไปให้ได้</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7lzi8tl_QYJS2JPI19IaW1LHmfOLrUeq4qWKVtfamR58NkLSiq5M1TYpAVrMjDTl4nrsWoI0yCdhbUwDCMX70mS2nLIqLuLxqaC936Tes2np4jaQl_Sb1X7ailpohCATh5PW08-dc4XA/s1600/IMG_ORG_1658575573127.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi7lzi8tl_QYJS2JPI19IaW1LHmfOLrUeq4qWKVtfamR58NkLSiq5M1TYpAVrMjDTl4nrsWoI0yCdhbUwDCMX70mS2nLIqLuLxqaC936Tes2np4jaQl_Sb1X7ailpohCATh5PW08-dc4XA/s1600/IMG_ORG_1658575573127.jpeg" alt="" width="452" height="640" data-original-width="654" data-original-height="926"></a></div>
<p>🙇<strong>วิธีที่ 5 เปลี่ยนความ เศร้าเป็นพลัง</strong> ก็เหมือนกับการเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสนั่นแหละ หากความเศร้ามันมีพลังล้นเหลือ แปรรูปพลัง งานนั้น มาออกกำลัง เล่นกับสุนัข ซ่อมแอร์ ขัดห้องน้ำ ท่าจะเวิร์ก การออกกำลังกายจะทำปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย</p>
<p>ที่ร้ายจะกลายเป็นดี และคุณจะพบว่า ข้อดีของการ อกหักคือพลังงานที่ล้นเหลือ และทำให้คุณดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนตอนมีรักเสียอีกแน่ะ แถมดีกับ (สุขภาพ) หัวใจคุณด้วยนะ</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_qkQV-J8sc_4LvtmP4VhsTh9xVAd1xPWZVtw3hmFozv7lV-U1D-QjW0OktWa7oiVDLs0zCcKxaP4sfa32IQKdbNqymq_MHJkaiklRN5LKX9eGTTO9kXXeTP6Jqjlg3MzIew7tGzt1f1o/s1600/IMG_ORG_1658575595960.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi_qkQV-J8sc_4LvtmP4VhsTh9xVAd1xPWZVtw3hmFozv7lV-U1D-QjW0OktWa7oiVDLs0zCcKxaP4sfa32IQKdbNqymq_MHJkaiklRN5LKX9eGTTO9kXXeTP6Jqjlg3MzIew7tGzt1f1o/s1600/IMG_ORG_1658575595960.jpeg" alt="" width="435" height="640" data-original-width="630" data-original-height="925"></a></div>
<p>😂<strong>วิธีที่ 6 ให้ธรรมชาติและเวลารักษาคุณ</strong> ฟังดูเหมือนโฆษณาชวนเชื่อ แต่ 2 อย่างนี้จะช่วยคุณได้จริง ๆ แทบไม่ต้องเสียสตางค์ อย่างแรกคือธรรมชาติ</p>
<p>ถ้าอยากพบก็ต้องออกไปเดินตามหา การเดินทางจะทำให้คุณลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ชั่วขณะ แล้วได้พบเจอกับสิ่งใหม่ ๆ ในชีวิตที่ต้องแก้เฉพาะหน้าแทน ความสวยงามของสายลม ต้นไม้ และแสงแดดสวย ๆ ไม่เคยทำร้ายหัวใจใคร เป็นเหตุผลว่า ทำไม</p>
<p>คนอกหักต้องไปทะเล ก็เพื่อปลดปล่อยใจไปกับผืนทะเลอันกว้างใหญ่นั่นเอง ต่อมาคือเวลา สรรพคุณของมันคือ ช่วยเยียวยา โดยที่ไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน ปล่อยให้เวลาเดินหน้าต่อไป ให้หัวใจคุณหมุนติ้วตามเข็มนาฬิกา อย่าริอาจเดินทวนเข็ม เราฝืนกลไกมันไม่ได้ นอกจากจะเจ็บปวดแล้ว นาฬิกาจะเสียเอาอีกด้วย</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLx4lu_mBxSVD4pNAvEMWm-4iUBaRfVV-2Mq-Y4EWiTof6Zr3ZL3DM3jR4nIgtx8Vy4h9d4bawQrCb9sm9xMPU941SFbtRRy9SEg14iqlYA75_sOEp8yIYKz4mO00hcZXKrFc0PpRvAtc/s1600/IMG_ORG_1658575611738.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLx4lu_mBxSVD4pNAvEMWm-4iUBaRfVV-2Mq-Y4EWiTof6Zr3ZL3DM3jR4nIgtx8Vy4h9d4bawQrCb9sm9xMPU941SFbtRRy9SEg14iqlYA75_sOEp8yIYKz4mO00hcZXKrFc0PpRvAtc/s1600/IMG_ORG_1658575611738.jpeg" alt="" width="456" height="418" data-original-width="456" data-original-height="418"></a></div>
<p><strong>🥺วิธีที่ 7 ลบมันทิ้ง</strong>ไป เป็นประโยคที่พูดกันง่าย ๆ แต่ทำยากเหลือเกิน สมมุติให้ตัวเองเป็นคอมพิวเตอร์ ก็เพียงแค่ ดีแฟรกเม้นท์ หรือลบโปรแกรมเก่าทิ้งไป ลงใหม่หรือเลิกใช้ซะ หรือสมมุติว่าคุณเป็นตัวอักษรที่ถูกเขียนด้วยดินสอ เรื่องราวทั้งหมดที่คุณและเขาเคยบรรจงแต่งขึ้นด้วยกันมา ก็เป็นแค่โครงเรื่องลายบาง ๆ ที่ลบทิ้งได้ง่าย ๆ เพียงตวัดยางลบลงกระดาษแผ่นนั้น ไม่จำเป็นหรอกที่จะต้องทิ้งข้าวของหรืออะไรที่เคยมีความทรงจำร่วมกัน</p>
<p>ทุกอย่างมันอยู่ที่นี่...ที่หัวใจ ใครจะสั่งคุณได้ ถ้าคุณไม่สั่งใจตัวเอง คนไม่ใช่ดอกบัว ที่จะต้องตัดอย่าให้เหลือ ใย แต่ต้องยิ่งกว่านั้นคือถอนรากขุดโคนออกมาทำลายให้หมด ในวันที่คุณตื่นมาแล้วพบว่าไม่เหลือใครแล้ว ชีวิตอาจเคว้งคว้าง น่าเวียนหัว เพราะความว่างเปล่าที่มันมากเกินไป ทำให้คุณคลื่นไส้อยากอาเจียน ก็อาเจียนมันออกมาให้หมดลำไส้</p>
<p>เป็นการดีท็อกซ์การอกหักให้คุณสะอาดขึ้น ส่วนที่มันแน่นซะจนทำอย่างไรก็ไม่ออก ปล่อยให้เวลาทำให้มันตกตะกอน ใช้พลังความสามารถทั้งหมดที่คุณมีเลือกลืม และเลือกจำ แล้วใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างมีความหวังและคุณค่า แม้คุณจะเหนื่อยมากจนไม่มีพลังจะหวังเรื่องความรักอีกต่อไป แต่ชีวิตก็ยังมีอีกหลายด้าน ที่คุณยังไม่เคยได้ตั้งความหวังกับมันไม่ใช่หรือ</p>
<p>สุดท้ายก่อนจบ บทความนี้หวังว่ามัน จะเป็นข้อคิดดีๆสำหรับคนที่กำลังอกหักรักคุด<span style="font-size: 14pt;">ผิดหวังในความรักอย่าเพิ่งคิดสั้นทำอะไรที่ไม่ดีต่อสุขภาพจิตและความรู้สึกของตัวเองนะครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีทางออกเสมอ เมื่อคุณผ่านมันไปคุณอาจจะพบกับคนใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิตคุณก็ได้ความรักมันมีวันที่เปลี่ยนแปลง และ มีวันเริ่มต้นใหม่เสมอ</span></p>
<script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619"
crossorigin="anonymous"></script>
<p><span style="font-size: 14pt;">😁จบบทความนี้แล้ว...ผมก็มีคลิปที่เป็นคลิปที่ทำเอาไว้ดูเอง..ฟังเอง ก็เลยเอามานำเสนอและฝากให้เพื่อนๆชม น่าจะเข้าบรรยากาศของความรักที่ถูกทอดทิ้ง...ลองชมดูนะครับ</span></p>
<p style="text-align: center;"><iframe src="https://www.youtube.com/embed/3ye5vUhVkuI" width="400" height="300" frameborder="0" scrolling="no" allowfullscreen="allowfullscreen"></iframe></p>lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-11161260189194324782022-07-22T18:19:00.000-07:002022-07-22T18:19:07.500-07:00สัมผัสที่ 6 ตามวันเกิด<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivPiVdEPeH_18KED4c5VuanQ4oirNiHTtXDzAs8FyTp37siAvSuB2R8kxOznC0RZemSZpt5S4DQK987-IHCIEZ6UqaAVlbtWEnD4xSV9kZMooDTxodc9g_lyBxnOezEmXGS8gpBArUAQ4/s1600/IMG_ORG_1658538926025.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivPiVdEPeH_18KED4c5VuanQ4oirNiHTtXDzAs8FyTp37siAvSuB2R8kxOznC0RZemSZpt5S4DQK987-IHCIEZ6UqaAVlbtWEnD4xSV9kZMooDTxodc9g_lyBxnOezEmXGS8gpBArUAQ4/s1600/IMG_ORG_1658538926025.jpeg" alt="" width="640" height="640" data-original-width="1080" data-original-height="1080"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">สัมผัสที่ 6 ตามวันเกิด</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">คุณเชื่อเรื่องสัมผัสที่ 6 หรือลางสังหรณ์เห็นผีเห็นอะไรๆหรือไม่....ก็แล้วแต่คนนะครับบางคนก็เชื่อบางคนก็ไม่เชื่อ</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">แต่วันนี้ขอนำเสนอเรื่องเรื่องสัมผัสที่ 6 ตามวันเกิด...สงสัย ไหมว่าทำไมบางคนถึงเห็นผี และเห็นบ่อยซะด้วย แต่บางคนก็ไม่เคยแม้แต่จะเจอ ลบหลู่ขนาดไหนก็ไม่เจอ ลองอ่าน นี่แล้วอาจจะเข้าใจมากขึ้น...แต่อ่านแล้วต้องใช้สติในการตัดสินใจนะครับ</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHLYE1OisLk1LCYCMtzTioic8B034zmeEst1cl1q4TfofNL27HxyiMg7Mg7rjUTDMsmSS_AQ05mGLUo82idalBmTge2t27X8qnng2_VT0s9gWvEzxfp1hKG2SC1UC1Uw8YKuGdeAL9HKo/s1600/IMG_ORG_1658538939020.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjHLYE1OisLk1LCYCMtzTioic8B034zmeEst1cl1q4TfofNL27HxyiMg7Mg7rjUTDMsmSS_AQ05mGLUo82idalBmTge2t27X8qnng2_VT0s9gWvEzxfp1hKG2SC1UC1Uw8YKuGdeAL9HKo/s1600/IMG_ORG_1658538939020.jpeg" alt="" width="640" height="362" data-original-width="720" data-original-height="408"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">1.เกิด วันอาทิตย์</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">ช่วง ไหนที่คุณเจ็บป่วย ไม่สบาย หรือไม่ก็อ่อนแอทางจิตใจ ให้หลีกเลี่ยงที่จะใกล้ชิดกับผู้หญิงที่กำลังตั้งท้อง เพราะพลังอะไรบางอย่างที่ลึกลับ อาจจะทำให้คุณเห็นผี หรือ วิญญาณ ได้</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrA1oXtIPdQNQeh9gJzSHbRj71O5cRGz0x7Hkrc0SCQOd5BIOZe3c3qeA5JeHwpPNDSi7qVIxHI1KuKpPSbKyDNm2yg9x9qYhALO6b9Uym1pcEsQjEG2qadjJUjYbXDXgpNt79FD9Dri0/s1600/IMG_ORG_1658538951103.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjrA1oXtIPdQNQeh9gJzSHbRj71O5cRGz0x7Hkrc0SCQOd5BIOZe3c3qeA5JeHwpPNDSi7qVIxHI1KuKpPSbKyDNm2yg9x9qYhALO6b9Uym1pcEsQjEG2qadjJUjYbXDXgpNt79FD9Dri0/s1600/IMG_ORG_1658538951103.jpeg" alt="" width="640" height="363" data-original-width="720" data-original-height="409"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">2.เกิด วันจันทร์</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">สำหรับ คุณแล้ว จะส่องกระจกน่ะส่องได้ แต่อย่าส่องหลังเวลาเที่ยงคืนถึงเช้า โดยเฉพาะในกระจกร้าว และถ้าได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ หรือเสียงเรียกเวลาค่ำคืน อย่าพูดทัก หรือขานตอบ เพราะนั่นอาจจะเป็นเสียงที่ทวงถามวิญญาณของคุณก็ได้</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVZ5GDLfzz0QZOAJ83HBjnfucuuEPaWQeKQbu0x5d04aiFRBksqiKoYxmITYDn6o6AiPa2GnWYiYceel8_0DyR-Dye4hq97Rf-kKnSuS7JufcKHrMnzmWbJNR9J0vYKVVJYoxQmJgu-_s/s1600/IMG_ORG_1658538967199.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVZ5GDLfzz0QZOAJ83HBjnfucuuEPaWQeKQbu0x5d04aiFRBksqiKoYxmITYDn6o6AiPa2GnWYiYceel8_0DyR-Dye4hq97Rf-kKnSuS7JufcKHrMnzmWbJNR9J0vYKVVJYoxQmJgu-_s/s1600/IMG_ORG_1658538967199.jpeg" alt="" width="452" height="410" data-original-width="452" data-original-height="410"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">3.เกิด วันอังคาร</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">คน เกิดวันอังคารลำบากกว่าคนเกิดวันอื่นเสียแล้ว เพราะคุณไม่ควรเข้าห้องน้ำนอกบ้าน ถ้าไม่มีธุระ คุณควรจะอยู่ให้ห่างจากห้องน้ำที่ไม่น่าไว้ใจเอาไว้ เพราะอาจมีบางอย่างแอบติดตามคุณออกมา หรือปรากฏให้คุณเห็น</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhVeAfL5tXD8bNTv7igC1QlaO6uNqViXbrW1sI1LlSV4C3ktIPeNAdbGPaWm6C0Liz3Jv2puGkOIB5BAW3AjtO_mGSUbIBDAIrgVI-C-EV5xLx8Y6LMN_9M1zjYaWu8OVkyj5pNHsAoxPk/s1600/IMG_ORG_1658538981607.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhVeAfL5tXD8bNTv7igC1QlaO6uNqViXbrW1sI1LlSV4C3ktIPeNAdbGPaWm6C0Liz3Jv2puGkOIB5BAW3AjtO_mGSUbIBDAIrgVI-C-EV5xLx8Y6LMN_9M1zjYaWu8OVkyj5pNHsAoxPk/s1600/IMG_ORG_1658538981607.jpeg" alt="" width="329" height="394" data-original-width="329" data-original-height="394"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">4.เกิดวัน พุธ</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">คุณ ไม่ควรไปงานศพ เพราะอาจจะมีวิญญาณติดตามตัวคุณกลับออกมา แต่ถ้าหากว่าเป็นงานที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่กลับมาจากงานศพแล้ว ให้รีบอาบน้ำก่อนเที่ยงคืน และถ้าจะให้ดีน้ำที่อาบควรเป็นน้ำว่าน</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcj_qpdmvi9OC5lUK6rMwOCPYXFnzbCBXj4c8Tbsz337mQZ1WwXJDnI1s04wZFr6BC9tSc-hTe0kNhBXj9T0tO2YL7B-UQNe8etIkqCXQ5rD2ei18GKLLv8_VguSm8672hEZUdkQBllcY/s1600/IMG_ORG_1658538996267.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcj_qpdmvi9OC5lUK6rMwOCPYXFnzbCBXj4c8Tbsz337mQZ1WwXJDnI1s04wZFr6BC9tSc-hTe0kNhBXj9T0tO2YL7B-UQNe8etIkqCXQ5rD2ei18GKLLv8_VguSm8672hEZUdkQBllcY/s1600/IMG_ORG_1658538996267.jpeg" alt="" width="640" height="402" data-original-width="720" data-original-height="453"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">5.เกิด วันพฤหัส</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">ใน ยามวิกาล มืดๆ อย่ามองไปที่หัวบันได เพราะคุณอาจจะมีอะไรบางอย่างปรากฏให้คุณเห็นที่ตรงนั้น หากว่าได้ยินเสียงแป ลกๆ คล้ายๆ กับเรียกชื่อคุณ อย่าขานตอบ ให้ก้าวเท้าถอยหลัง 1 ก้าว แล้วเสียงนั้นจะหายไป</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwRYxX8B6DndMBuSI-phLZAdm4LovHcOeKCO7T5d6VWGSe-5zeVRHovYJbahCZtQsFCKeupurnibPgH-PuppHcnGZV4FWbizqxy8NSVJIGF3A950ubJkFmr9sqHBuiZTTpATpk1vwe46o/s1600/IMG_ORG_1658539007284.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwRYxX8B6DndMBuSI-phLZAdm4LovHcOeKCO7T5d6VWGSe-5zeVRHovYJbahCZtQsFCKeupurnibPgH-PuppHcnGZV4FWbizqxy8NSVJIGF3A950ubJkFmr9sqHBuiZTTpATpk1vwe46o/s1600/IMG_ORG_1658539007284.jpeg" alt="" width="640" height="381" data-original-width="720" data-original-height="429"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">6.เกิดวันศุกร์</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">เคย ได้ยินหรือเปล่าว่าธาตุน้ำ อาจจะเป็นเหมือนประตูเชื่อมระหว่างโลกมนุษย์ กับ โลกวิญญาณ ดังนั้น คนที่เกิดวันศุกร์อย่างคุณควรหลีกเลี่ยงการเดินทางทางน้ำ</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;"><br></span></div><div class="separator" style="text-align: center; clear: both;"><div class="separator" style="clear: both;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhKkLmZq8fZXJzBuJtc30aqD87nwfW8PMn7Gc7WSHRWX0qUKFjncOPfhptLJqohbG9OuUzYalokX-VIW16IKIwWsgmcPfAIplmR_UNCerkFP375mVCRgonDiJ476fHS1IL0PAInu5rNkbI/s1600/IMG_ORG_1658539023780.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhKkLmZq8fZXJzBuJtc30aqD87nwfW8PMn7Gc7WSHRWX0qUKFjncOPfhptLJqohbG9OuUzYalokX-VIW16IKIwWsgmcPfAIplmR_UNCerkFP375mVCRgonDiJ476fHS1IL0PAInu5rNkbI/s1600/IMG_ORG_1658539023780.jpeg" alt="" width="629" height="640" data-original-width="720" data-original-height="732"></a></div><br></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">7.เกิดวัน เสาร์</span></div><div class="separator" style="text-align: left; clear: both;"><span style="font-size: 17px;">ศาล พระภูมิ คือ สิ่งต้องห้ามสำหรับคนเกิดวันเสาร์ ไหว้ เคารพ ได้ แต่อย่ามองจ้อง หากได้ยินเสียงหมาเห่า หอน เกรียวกราว ใกล้ๆ ตัว นั่นอาจแปลได้ว่าคุณกำลังโดนติดตามโดยภูตผี วิญญาณ</span></div></div><br><script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619"
crossorigin="anonymous"></script>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-18666360243343576482022-07-18T16:50:00.000-07:002022-07-18T17:47:02.451-07:00ชนเผ่าMosuoเผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พร้อมกับวิธีเลือกคู่สุดแปลก ไม่มีคำว่าศัพท์ที่ใช้เรียกสามี
<p style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiC1MYKEfQORmlrqLYbEeijOt0lz-gI8THfX0DFIsSSBzU0Evsz0L8brZfu1dzv4vfenxBgQizcyF8EwG5o3JYpmdzX4zPrwKX4G_L8Ev2-nYsYHIN4h728HgZumozJcS5gFze70ZQNU60/s1600/IMG_ORG_1658187582205.jpeg" imageanchor="1"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiC1MYKEfQORmlrqLYbEeijOt0lz-gI8THfX0DFIsSSBzU0Evsz0L8brZfu1dzv4vfenxBgQizcyF8EwG5o3JYpmdzX4zPrwKX4G_L8Ev2-nYsYHIN4h728HgZumozJcS5gFze70ZQNU60/s1600/IMG_ORG_1658187582205.jpeg" alt="" width="640" height="640" data-original-width="1080" data-original-height="1080"></a></p>
<p><strong>ชนเผ่าMosuoเผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พร้อมกับวิธีเลือกคู่สุดแปลก ไม่มีคำว่าศัพท์ที่ใช้เรียกสามี</strong></p>
<p>วันนี้ก็จะมีบทความแปลกๆมานำเสนออีกนะครับเป็นบทความแปลจากต่างประเทศซึ่งเรียบเรียงและนำเสนอเพื่อความรู้แปลกๆใหม่ๆส่วนผู้ชายจะเป็นเพียงผู้ช่วยผู้น้อยในบ้าน ที่น่าแปลกใจคือชนเผ่าแห่งนี้มีไม่มีคำว่าศัพท์ที่ใช้เรียกสามี</p>
<p>พูดง่ายๆตามภาษาไทยก็คือภรรยาคือช้างเท้าหน้าส่วนสามีคือช้างเท้าหลังภรรยาสามารถจะเขกกบาลกระทืบสามีได้ตามใจชอบเพราะว่าผู้หญิงมีสิทธิ์ที่เสรีภาพมากกว่าผู้ชายนั่นเอง</p>
<p>ชนเผ่า Mosuo” เผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พร้อมทึ่ง! กับวิธีเลือกคู่สุดแปลก </p>
<p>Mosuo เผ่าที่หญิงเป็นผู้ปกครองและเป็นเจ้าของทุกสิ่ง พร้อมทึ่ง! กับวิธีเลือกคู่สุดแปลก</p>
<p>บริเวณชายแดนมณฑลยูนนานกับเสฉวน เป็นที่ตั้งของชนเผ่า “โม๋ซอ” (Mosuo) เป็นชนเผ่าที่ถูกเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมสุดท้ายในโลกที่เป็นสังคมแบบ matriarchal societies คือ ผู้หญิงที่นี้เป็นใหญ่เหนือชาย ควบคุมการเงินในบ้าน เป็นเจ้าของโดยชอบธรรมในกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดิน และมีสิทธิขาดในตัวบุตรแต่เพียงผู้เดียว มีอำนาจสิทธิ์ขาดทุกอย่าง </p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187604406.jpg" imageanchor="1"><img border="0" src="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187604406.jpg" alt="" width="640" height="420" data-original-width="720" data-original-height="473"></a></div>
<p><strong>😁ส่วนผู้ชายจะเป็นเพียงผู้ช่วยผู้น้อยในบ้าน ที่น่าแปลกใจคือชนเผ่าแห่งนี้มีไม่มีคำว่าศัพท์ที่ใช้เรียกสามีในภาษาวัฒนธรรมของชนเผ่านี้คือผู้หญิงเป็นใหญ่</strong> </p>
<p>โดยการสืบทอดอำนาจจากแม่ไปสู่ลูกสาว เมื่อลูกสาวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ราว 12 ปี เธอจะแยกไปมีห้องส่วนตัว </p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187623453.jpg" imageanchor="1"><img border="0" src="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187623453.jpg" alt="" width="640" height="538" data-original-width="720" data-original-height="606"></a></div>
<p>เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์แล้ว โดยวิธีการหาคู่ของชนเผ่านี้ คือ “ระบำรอบกองไฟ” นั่นเอง หากพบคนที่ต้องตาถูกใจก็จะใช้วิธีการ “สะกิดมือ” </p>
<p>ในระหว่างที่จับมือเต้นรอบกองไฟกัน หากฝ่ายหญิงมีใจให้และตอบรับ ก็จะสะกิดมือนั้นกลับไป </p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187642416.jpg" imageanchor="1"><img border="0" src="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187642416.jpg" alt="" width="462" height="640" data-original-width="720" data-original-height="996"></a></div>
<p>👉🏿โดยสิ่งที่น่าแปลกใจมากๆ อีกประการคือ ไม่มีการแต่งงาน ชายหนุ่มจะเข้ามาขอร่วมหลับนอนกับหญิงสาวได้เลยหากชอบพอ โดยตามธรรมเนียม หากฝ่ายชายจะเข้าไปหาฝ่ายหญิง ต้องปาก้อนหินใส่หน้าต่าง เมื่อหน้าต่างบานนั้นแง้มออกมา </p>
<p>แล้วไม่ปิดหน้าต่างกลับไป หมายความว่าผู้ชายสามารถปีนบ้านเข้าทางหน้าต่างได้เลย โดยต้องปีนไปชั้น 2 ที่เป็นห้องหญิงสาว ด้วยมือเปล่ากันให้ได้ เป็นการทดสอบใจจริงอีกทางหนึ่ง </p>
<p>👉🏿เมื่อปีนขึ้นมาถึงหน้าต่างแล้ว ผู้ชายจะถอดหมวกและแขวนไว้ข้างหน้าต่างเป็นการบอกให้ชายอื่นรู้ว่า ห้องนี้มีหนุ่มเข้าแล้ว เชิญไปหาที่อื่นได้เลย</p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187660865.jpg" imageanchor="1"><img border="0" src="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187660865.jpg" alt="" width="607" height="372" data-original-width="607" data-original-height="372"></a></div>
<p>ซึ่งก่อนพระอาทิตย์ขึ้นฝ่ายชายจะต้องรีบออกจากบ้านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยประเพณีนี้ เรียกอีกอย่างว่า “อาสู-อาเซี่ย” เมื่อเวลาผ่านไปหญิงสาวตั้งครรภ์ จะไม่มีใครสนใจว่าว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง เพราะไม่จำกัดว่าจะเป็นชาย 1 คน เมื่อลูกคลอดออกมาแล้วเด็กจะตกเป็นสมบัติของฝ่ายหญิงเท่านั้น </p>
<p>จะมีแต่แม่และยาย ผู้ชายที่เหลือก็มีตำแหน่งเพียงลุงหรือน้าชายเท่านั้น เด็กที่เกิดมาก็ไม่เคยรับรู้ว่าใครคือพ่อ แต่ถึงแม้จะรู้ว่าเป็นใครก็ไม่ได้ผูกพันในฐานะพ่อกับลูกโดยในยุคของการปฏิวัติทางวัฒนธรรมของประเทศจีน ก็เคยผู้มีอำนาจทางการเมืองพยายามยัดเยียดการแต่งงาน ให้หนุ่มสาวในเผ่าให้อยู่กินกันฉันสามีภรรยา แต่เมื่อผู้นำหมดอำนาจ ชนเผ่าก็กลับมาดำเนินชีวิตตามวัฒนธรรมดั้งเดิมที่สืบเนื่องกันมาหลายพันปี </p>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187678045.jpg" imageanchor="1"><img border="0" src="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187678045.jpg" alt="" width="640" height="391" data-original-width="651" data-original-height="398"></a></div><div class="separator" style="clear: both; text-align: center;"><a href="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187678139.jpg" imageanchor="1"><img border="0" src="file:///data/user/0/com.jcorreia.blogit/files/IMG_1658187678139.jpg" alt="" width="632" height="356" data-original-width="632" data-original-height="356"></a></div>
<script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619"
crossorigin="anonymous"></script>
<p>แม้บางคนจะมองว่ารูปแบบการปฏิบัติทางเพศเช่นนี้ไม่แตกต่างจากการสืบพันธุ์ของสัตว์ แต่บางคนก็อาจมองว่าเป็นวิถีทางเพศที่สอดคล้องกับธรรมชาติอย่างยิ่ง ที่สำคัญคือ ธรรมเนียมนี้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาอย่างที่สังคมทั้งหลายมีกัน เช่น ไม่มีเพศสัมพันธุ์ก่อนวัยอันควร เพราะเขาถือว่าพ้นอายุ 12 ปี ก็ถึงวัยอันควรแล้วและไม่มีการแต่งงาน, หรือไม่มีการหย่าร้างไม่มีการทะเลาะตบตีกันในครอบครัว เป็นต้น</p>lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-17073640020410545212021-10-17T23:06:00.000-07:002021-10-17T23:06:41.328-07:00ผู้หญิงที่รักมากเกินไปก็ใช่ว่าจะดี<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYoeLeePT-VdfcxCZPXQemk-7dAtpaGnWqmqG63RarX0YILLTTe_vtG1et3xXPf0wFteQ-EncumBt7EU5qcykUw3vgM8KKHHx7E2ArWCbl05eDSptLKqMJX7j6VLq3CR2mJVo37xIrSr0/s1600/%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2594.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="269" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiYoeLeePT-VdfcxCZPXQemk-7dAtpaGnWqmqG63RarX0YILLTTe_vtG1et3xXPf0wFteQ-EncumBt7EU5qcykUw3vgM8KKHHx7E2ArWCbl05eDSptLKqMJX7j6VLq3CR2mJVo37xIrSr0/s400/%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%258C%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%2594.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<span style="font-weight: bold;">ผู้หญิงที่รักมากเกินไปก็ใช่ว่าจะดี</span><br />
<div align="center">
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
ผู้หญิงประเภทนี้มักรักผู้ชายมากกว่าที่ผู้ชายรักตัวเธอ บางครั้งการแสดงความห่วงใยจนทำให้เขารำคาญ เธอก็ยังอุตส่าห์เหมาว่าเป็นความผิดตัวเอง ขอโทษขอโพยเขาเสียอีกนะ ครั้นจะเลิกราเพื่อไปหาคนดีกว่า รักมากกว่า ทำให้ชีวิตสาวมีความสุขมากกว่า ก็เสพติดความเจ็บปวดจนถอนตัวไม่ขึ้น เรียกว่ามีความสุขบนความเจ็บปวดว่างั้นเถอะ</div>
</div>
<br />
นอกจากนั้นยังมอบกายถวายตัว ทุ่มเททั้งจิตใจและร่างกายอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ดีไม่ดีอาจไม่เห็นแก่อนาคตของตัวเองด้วย ชีวิตทั้งชีวิตแขวนอยู่กับชายคนรัก ไม่สนใจว่าใครจะมองอย่างไร ขอให้ฉันได้อยู่รับใช้สุดที่รักเท่านั้นเป็นพอ<br />
<br />
<b>ผู้หญิงที่รักมากเกินไปมักมีคุณสมบัติดังนี้</b><br />
<br />
<b>เป็นเด็กที่บ้านมีปัญหา</b><br />
ตอน เด็กๆพ่อแม่มักมีปัญหาครอบครัว ทำให้เกิดผลกระทบมาถึงลูก เด็กไม่ได้รับการตอบสนองทั้งทางด้านความรักและอารมณ์ เช่น พ่อแม่เอาแต่ทะเลาะกัน ไม่มีใครเอาใจใส่ลูก ทอดทิ้งลูกให้โหยหาความรัก โดยไม่รู้วิธีจัดการกับความรักให้พอเหมาะพอดี ครอบครัวมีปัญหามักเป็นครอบครัวที่<br />
<br />
* พ่อแม่ติดเหล้าหรือใช้ยาเสพติด<br />
<br />
* เข้ม งวดกวดขันกับลูกมากเกิน ไม่ว่าจะลุกจะเดินจะยืนหรือนั่ง ขยับตัวนิดเดียวก็ต้องอยู่ในสายตาของพ่อแม่ หรือตั้งความหวังไว้กับลูกสูงเกินไป ไม่รู้จักประมาณความสามารถของลูก หนำซ้ำไม่เคยสนใจความรู้สึกของลูก<br />
<br />
* ทุบตีคู่สมรสหรือทุบตีเด็กๆ<br />
<br />
* พ่อแม่มีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสมต่อลูก<br />
<br />
* ทะเลาะเบาะแว้งกันทุกวี่ทุกวัน ชีวิตมีแต่ความเครียด ไม่เคยมีความสุขเลย<br />
<br />
* พ่อแม่ทำเชิด ไม่ยอมพูดกันเป็นวันๆ<br />
<br />
* พ่อแม่ที่มีความคิดขัดแย้งหรือมีพฤติกรรมแง่งๆใส่กันตลอดเวลา จนลูกๆไม่เชื่อถือหรือไม่เคารพ<br />
<br />
* พ่อแม่ที่ชอบแข่งขันชิงดีชิงเด่นกันเองหรือแข่งขันกับลูกๆ<br />
<br />
* พ่อแม่ที่สื่อสารกันไม่รู้เรื่องหรือเอาแต่หลีกเลี่ยงไม่ยอมเผชิญหน้ากัน เลยไม่รู้เรื่องกันสักที <br />
<br />
ครอบ ครัวไหนที่พ่อแม่มีพฤติกรรมแบบนี้แค่ข้อเดียวก็มีผลต่อลูกแล้ว เมื่อโตขึ้นลูกจะเป็นผู้ใหญ่ที่หิวโหยความรัก ใช้ความรักในทางที่ไม่ถูก ไม่มากไปก็น้อยไป หรือไม่รู้จักยอมรับความเป็นตัวตนผู้อื่น<br />
<br />
<b>ใส่ใจดูแลคนรักมากเกินไป</b><br />
ความ ที่ตอนเด็กขาดความอบอุ่น ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร โตขึ้นก็เลยกลายเป็นผู้หญิงที่หันมาเอาใส่ดูแลแฟน มอบความรักให้ไปสุดหัวใจ เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ตัวเองขาด ถ้าเป็นเด็กผู้ชายก็จะแสดงออกในทางก้าวร้าวรุนแรง แต่เด็กผู้หญิงจะหันไปหาตุ๊กตา ฟูมฟักดูแลราวกับลูกในไส้ ผู้หญิงพวกนี้มักมีอาชีพที่ช่วยเหลือหรือบริการผู้อื่น เช่น พยาบาล ที่ปรึกษา นักจิตวิทยา หรือพวกสังคมสงเคราะห์เรียกว่าชีวิตทั้งชีวิตมีแต่ให้ๆๆๆเท่านั้น<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
<b>มุ่งมั่นเปลี่ยนแปลงชายคนรัก</b><br />
นี่ เพราะตอนเด็กไม่สามารถทำให้พ่อแม่หันมามอบความรักความเอาใจใส่ หรือทำตัวเป็นพ่อแม่ที่น่ารักได้ ความที่อยากมีครอบครัวอบอุ่น เธอจึงพยายามเปลี่ยนแปลงชายคนรัก (โดยเฉพาะถ้าบังเอิญเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยมีความเป็นเฟมีลี่แมนเท่าไร) โดยการทุ่มเทความรักให้อย่างไม่คิดชีวิต ผู้หญิงประเภทนี้ก็แปลก ชอบไปหลงรักหลงเพ้อกับผู้ชายที่มีปัญหาทางจิต แต่กับผู้ชายที่ดีน่ารักสมบูรณ์พร้อม มาจากครอบครัวอบอุ่น สามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายได้ ก็ไม่ยักสนใจ เหมือนหาเรื่องใส่ตัว หาเหาใส่หัวอย่างไรอย่างนั้น เพราะผู้ชายที่มีปัญหาขาดความอบอุ่นมักย้ำเตือนให้นึกถึงพ่อแม่ในสมัยเด็ก ผู้หญิงพวกนี้จึงเกิดสำนึกที่ดี เกิดความรู้สึกที่อยากจะทำดีเป็นนางฟ้าหรือแม่พระ มอบความรักความเอาใจใส่ทุกอย่างให้เขา<br />
<br />
<b>กลัวถูกทอดทิ้ง</b><br />
ความ ที่กลัวถูกทอดทิ้ง จึงยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ความรักอยู่รอดปลอดภัย คำว่าถูกทอดทิ้งสำหรับผู้หญิงประเภทนี้ มีความหมายรุนแรงสาหัสนัก ประมาณว่า ต้องอยู่คนเดียวโดดเดี่ยวเดียวดาย อาจถึงแก่ตรอมใจตาย เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่รอดคนเดียวได้โดยปราศจากคนรักอยู่เคียง ข้าง ยิ่งถ้าเป็นการทอดทิ้งทางอารมณ์ คือตัวอยู่ด้วยกัน แต่ไม่เคยดูแลใส่ใจ ต่างคนต่างอยู่ไปงั้นๆ ยิ่งแย่ใหญ่ ดังนั้นจึงต้องทำทุกอย่างสุดความสามารถเพื่อให้รักอยู่กับตัวนานเท่าที่เป็น ไปได้<br />
<br />
<b>ทุ่มเทสุดๆ</b><br />
ดูแลช่วยเหลือคนรักที่มีปัญหาในด้านจิตใจทุกอย่างจริงๆ ตัวอย่างเช่น<br />
<br />
* ซื้อเสื้อผ้าให้เขา เพื่อทำให้ภาพพจน์ของเขาดูดีขึ้น<br />
* หาจิตแพทย์มือดีและพยายามขอร้องให้เขาไปพบ<br />
* สรรหางานอดิเรกสุดแพงเพื่อให้เขาใช้เวลาอย่างมีค่า<br />
* ยอมย้ายที่อยู่ไปไหนต่อไหนเพียงเพราะเขาไม่ชอบ<br />
* มีอะไรก็ยกทูนหัวทูนเกล้าให้เขาหมด หรือไม่ก็ยอมให้เขาเป็นเจ้าของครึ่งหนึ่ง เพราะไม่อยากให้เขารู้สึกต่ำต้อยกว่า<br />
* เอื้อเฟื้อที่พักให้เขาเพื่อเขาจะได้รู้สึกปลอดภัย<br />
* ปล่อยให้เขาทำร้ายจิตใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะสงสารที่เขามาจากครอบครัวไร้รักขาดความอบอุ่น คงไม่มีโอกาสได้ระบายอารมณ์กับใครมาก่อน<br />
* หางานให้เขาทำ <br />
<br />
นี่ เป็นเพียงตัวอย่างเพียงเบาะๆสำหรับผู้หญิงใจพระ ซึ่งเอาแต่ช่วย ไม่เคยหยุดคิดถามตัวเองเลยว่า สิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นสมควรหรือไม่ วันๆก็ทุ่มเททั้งเวลาและพลังงานสมองพยายามเค้นคิดหาทางช่วยเหลือหรือหาวิธี ใหม่ในการเข้าหาคนรัก เพื่อเข้าถึงจิตใจเขาให้ได้มากที่สุด<br />
<br />
<b>รับผิดชอบทุกอย่างแทบทั้งหมด</b><br />
ไม่ ว่าจะเป็นความผิดพลาด ความรับผิดชอบ หรือคำตำหนิติเตียน ข้าพเจ้าขอรับไว้บนหัวแต่เพียงผู้เดียว จากเด็กบ้านไร้รัก เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จึงเกิดความรับผิดชอบว่า ตัวเองต้องเป็นผู้รับผิดชอบและถือเป็นหน้าที่ทะนุถนอมความรักไปตลอดรอดฝั่ง ให้จงได้ จะชั่วร้ายดีเลวอย่างไรไม่ว่า ขอทำตัวเป็นกระโถนท้องพระโรงพร้อมเสมอที่จะรับเละทุกอย่าง<br />
<br />
<b>เป็นโรคติดคนรัก</b><br />
ผู้หญิง ประเภทนี้ใช้ความหลงใหลในตัวชายคนรักมาบังหูบังตา เพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ความโดดเดี่ยว ความกลัวและความโกรธ เรียกว่าใช้ความสัมพันธ์ฉันคนรักเป็นยาบำบัดก็ว่าได้ หากมีชีวิตอยู่โดยปราศจากเขา จะเกิดอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น เหงื่อออก คลื่นเหียน หนาวสะท้าน หมกมุ่นครุ่นคิด หดหู่ นอนไม่หลับ ตกใจง่าย แถมยังวิตกจริตเกินกว่าเหตุ และเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้เธอจะย้อนกลับไปหาคนรักที่เพิ่งเลิกรากัน หรือไม่ก็รีบหาชายคนใหม่มาดามหัวใจทันที<br />
<br />
<b>มัวแต่สนใจคนรักจนละเลยตัวเอง</b><br />
ก็ เพราะมัวแต่ยุ่งวุ่นวายคอยสังเกตสังกาว่าเขารู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร ก็เลยไม่รับรู้ถึงความรู้สึกของตัวเอง ตัดสินใจไม่ได้ว่าอะไรคือเป้าหมายชีวิตหรือควรทำอย่างไรต่อไปเพื่อตัวเอง ซึ่งยังผลให้ชีวิตไม่เป็นสุข ไม่รู้จักตัวเองเสียด้วยซ้ำ ทำตัวให้จมอยู่กับวังวนชีวิตราวกับนิยายน้ำเน่า จนหมดปัญญาหาหนทางแก้ไข ไม่ผิดถ้าอยากระบายอารมณ์ด้วยการร้องกรี๊ดตีอกชกตัวหรือร่ำไห้สะอึกสะอื้น ไม่หยุด แต่การใช้อารมณ์ราวชีวิตเป็นดั่งละครไม่ได้ช่วยให้เรามีสติในการแก้ไขปัญหา ได้<br />
<iframe width=",340" height="282" src="https://www.youtube.com/embed/-CuekGF2KGY" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe>
<br />
<b>สนใจผู้ชายที่ไม่น่าสนใจ</b><br />
ผู้ชายดีๆมีน้ำใจ งาม มีความมั่นคง ดูน่าเชื่อถือ มาให้ความสนใจ ก็ดันไม่สนใจเขา กลับไปมองว่า ผู้ชายที่ไม่มีความมั่นคงดูน่าตื่นเต้นดี ผู้ชายที่ไม่น่าเชื่อถือดูท้าทายชวนค้นหา ผู้ชายที่คาดเดาอะไรไม่ได้ดูเป็นคนโรแมนติค ผู้ชายอ่อนหัดดูมีเสน่ห์ ผู้ชายเจ้าอารมณ์ดูเป็นคนลึกลับ ผู้ชายขี้โมโหต้องการความเข้าใจ ผู้ชายไร้สุขต้องการกำลังใจ ผู้ชายที่ไม่เคยพอต้องการแรงสนับสนุน ส่วนผู้ชายเย็นชาต้องการความอบอุ่น ผู้หญิงประเภทนี้ไม่ต้องการผู้ชายเพียบพร้อมที่สามารถให้ความสุขได้ทุกอย่าง กลับพึงใจผู้ชายขาดๆเกินๆ เพราะเสพติดกับความเจ็บปวดทางอารมณ์จนถอนตัวไม่ขึ้น ดูแปลกแต่นี่คือความจริงอย่างที่สุด <br />
<br />
แหล่งข้อมูล:http://women.msnth2.comlifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-2424158209296322082021-10-16T05:52:00.000-07:002021-10-16T05:52:04.680-07:00อกหักรักให้เป็น Love and regret<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTXJEs54dnQ9vsJ_s2DWXofAGDavApwr5uZciUyF34ul0VMJ6x18QrYRRtoc6N3p-PW4kC3Q5LugtZ2ADM8vHivh61edb1DQ6BEupYUtkXyMbaKKMl0vXnwD_xQHcVnBAYOyD7faE8GVk/s1600/images.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="248" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgTXJEs54dnQ9vsJ_s2DWXofAGDavApwr5uZciUyF34ul0VMJ6x18QrYRRtoc6N3p-PW4kC3Q5LugtZ2ADM8vHivh61edb1DQ6BEupYUtkXyMbaKKMl0vXnwD_xQHcVnBAYOyD7faE8GVk/s400/images.jpg" width="400"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
<b>อกหักรักให้เป็น(Love and regret)</b><br>
แต่หากความรักไม่ได้เป็นอย่างที่หวังไว้ ความรู้สึกผิดหวังในเรื่องความรักก็จะเกิดขึ้น และปรากฏเป็นอาการ “อกหัก” ให้เห็น ซึ่งก็มีหลากหลายคำพูดอีกเช่นกันที่พยายามสื่อให้ “คนอกหัก” ได้มีความรู้สึกที่ดีขึ้น เช่น “อกหักน่ะเรื่องเล็ก อกเล็กสิเรื่องใหญ่” บ้างก็ว่า “อกหัก ดีกว่ารักไม่เป็น” “อกหักไม่ยักกะตาย” ฯลฯหลายคนให้นิยามของความรักไว้ต่างๆ นานา เช่น<br>
<b><br></b><div><b>“ความรักคือการให้”</b><br>
<b>“ความรักเป็นสิ่งสวยงาม”</b><br>
<b>“ความรักคือความซื่อสัตย์” ฯลฯ</b><br>
<br>
ดังนั้น หากคุณคิดจะรักใครซักคนจึงต้องยอมรับในเบื้องต้นก่อนว่า ครึ่งหนึ่งคือความเสี่ยงที่จะต้องอกหัก และอีกครึ่งหนึ่งคือความเป็นไปได้ที่จะมีรักที่มีความสุข เมื่อคิดจะรักก็ต้องยอมรับกับความเสี่ยงที่จะต้องลุ้น และหากเราเป็นพวกที่ต้องทนกินแห้วกระป๋อง ทำอย่างไรไม่ให้ความรักทำให้เราตาบอด ……… จึงต้อง “อกหักให้เป็น”<br>
<br>
<b>อาการ “อกหัก” เป็นอย่างไร</b><br>
สำหรับคนที่ไม่เคยมีความรัก หรือความรัก สุขสมหวัง ก็คงจะไม่รู้จักลักษณะอาการของคำว่า “อกหัก”<br>
อาการที่อยู่ๆ ก็เกิดร้องไห้น้ำตาไหลพรากขึ้นมาเฉยๆ ขาดการยับยั้งต่อมน้ำตา สมองไม่สามารถสั่งการหรือใช้ในการประมวลผลเรื่องราวอะไรได้เลย นอกจากจะวนเวียนอยู่กับประโยคคำถามที่ว่า “ฉันผิดอะไร” “ทำไมเธอไปจากฉัน” “เรากลับมารักกันอีกได้ไหม”<br>
หลับตาก็นึกถึงแต่เรื่องเขา ช่วงนี้ชีวิตจะเหมือนล่องลอยไร้วิญญาณ ไม่รู้สึกรู้สากับสถานการณ์รอบๆตัว เกิดภาวะสับสนทั้งทางด้านอารมณ์และความรู้สึก ใจหวิวๆ รู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน หายใจก็ขัดๆ ปวดท้องแต่ไม่อยากกินข้าวกินปลา ซึ่งอาการต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วง “อกหัก” นี้ เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางเคมีภายในร่างกาย และจะส่งผลต่อภาวะอารมณ์ ความรู้สึก รวมถึงปฏิกิริยาของร่างกายด้วย<br>
<br>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<b>ทำไม “อกหัก” จึงรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน</b><br>
การที่คนเรารู้สึกเจ็บปวดเมื่อ “อกหัก” อาจเป็นผลมาจากกระบวนการทางเคมีในร่างกาย คือ เวลาที่คนมีความรัก สมองจะหลังสารที่เรียกว่า “ฟีนิลเอธิลามีน (Phenylethylamine) ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายยากระตุ้นประสาทอย่างแอมเฟตามีน สามารถทำให้สมองตื่นตัวและร่างกายมีกำลังมากขึ้น<br>
และเมื่อเกิด “อกหัก” อย่างแรง สมองและร่างกายจะสูญเสีย “ฟินิลเอธิลามีน” อย่างเฉียบพลัน ซึ่ง ดร.ไมเคิล ไลโบวิตซ์ แห่งสถาบันจิตวิทยานิวยอร์ก อธิบายไว้ว่า อาการ “อกหัก” เพราะรักเป็นพิษนั้นจะคล้ายกับอาการถอนยาอย่างมาก<br>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRn2vhAqHHVcnxvG3PqagYXm_4H3WC7Zej5IH1Cp3OmpzZYgF1dX1NTVDcU8bJe_qt5AlMhJed6ayGZpjFrXuA6j4AWG7AnmNIcHoCNpQhyphenhyphenvwaM7WrH-BRD3lxZP3p8nskWFKqABxJrjmw/s400/Love%252525252BMakes%252525252BTwo%252525252BHearts%252525252BOne%252525252B(www.cute-pictures.blogspot.com).jpg" imageanchor="1" style="clear: left; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRn2vhAqHHVcnxvG3PqagYXm_4H3WC7Zej5IH1Cp3OmpzZYgF1dX1NTVDcU8bJe_qt5AlMhJed6ayGZpjFrXuA6j4AWG7AnmNIcHoCNpQhyphenhyphenvwaM7WrH-BRD3lxZP3p8nskWFKqABxJrjmw/s400/Love%252525252BMakes%252525252BTwo%252525252BHearts%252525252BOne%252525252B(www.cute-pictures.blogspot.com).jpg" width="400"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
<b>สารอีกตัวหนึ่งที่ส่งผลต่อความเจ็บปวดเมื่อคนเรา</b> <b>“อกหัก” ก็คือ “สารเอ็นโดฟินส์ (Endophins) </b>โดย นพ.สุวินัย บุษราคัมวงษ์ แพทย์สาขาอายุรกรรมสมอง รพ.กล้วยน้ำไท 1 ได้เล่าประสบการณ์จากการสังเกตคนไข้สองกลุ่มที่มีอาการป่วยเดียวกัน และพบว่า คนไข้ที่มีคนรักคอยดูแลอยู่ตลอดเวลาจะมีอัตราการหายป่วยที่เร็วกว่าคนไข้ที่ไม่มีคนรักมาคอยดูแล<br>
อีกกรณีหนึ่ง เชื่อว่า <b>“สารเอ็นโดฟินส์” </b>สามารถลดความเจ็บปวดได้ โดยพบว่า ผู้ป่วยที่โดนมีดบาด หากมีคนรักมาคอยปลอบโยนร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟินส์ออกมา เพื่อปิดกั้นสัญญาณความเจ็บปวดที่จะส่งถึงสมอง จึงเป็นผลให้ลดความเจ็บปวดลงไปได้<br>
<br>
<b>ดังนั้น เมื่อคนเรา “อกหัก”</b> จึงเกิดการปรับเปลี่ยนของสารเคมีในร่างกายที่ไม่สมดุล ทำให้แต่ละคนมีการตอบสนองต่อปัจจัยต่างๆ แตกต่างกันออกไปซึ่งก็ขึ้นอยู่กับภูมิหลังการเลี้ยงดู วิถีชีวิตในปัจจุบัน ครอบครัว ภาวะทางสังคม หรือแม้แต่ปริมาณสารเคมีในร่างกาย จึงทำให้บางคนที่ “อกหัก” สามารถที่จะทำใจได้ในเวลาอันรวดเร็ว ขณะที่คน <b>“อกหัก”</b> จำนวนหนึ่งไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ จึงนำไปสู่การฆ่าตัวตาย<br>
<br>
<b>ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า เมื่อคนเรา “อกหัก”</b> และมีอารมณ์ ความรู้สึกต่างๆ เกิดขึ้นมานั้น ล้วนส่งผลกระทบต่อปฏิกิริยาของร่างกาย ส่วนจะส่งผลกระทบมากหรือน้อยนั้นก็ขึ้นอยู่กับภาวะการปรับตัวรับกับสภาพการ <b>“อกหัก”</b> ได้มากน้อยเพียงใด<br>
<br>
<b>อกหักให้เป็น….ทำอย่างไร</b><br>
เมื่อ “อกหัก” หากจะห้ามไม่ให้คนเรารู้สึกรู้สากับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ให้รู้สึกเสียใจ ทุกข์ใจ เศร้า หรือสับสนทางอารมณ์และความคิด คงจะเป็นไปไม่ได้<br>
ดังนั้น จะทำอย่างไรให้ความสับสนทางอารมณ์และความคิดต่างๆ เหล่านั้นไม่เกินเลยจนส่งผลกระทบต่อตนเอง จึงต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นและปรับอารมณ์ ความคิดและพฤติกรรมให้เข้าสู่สภาวะปกติให้เร็วที่สุด<br>
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br>
<b>วิธีปรับความคิด อารมณ์ ความรู้สึก</b> รวมถึงพฤติกรรมต่างๆ ให้สามารถรับมือกับภาวะ “อกหัก” ให้ได้ โดยการ “อกหักให้เป็น” มีดังนี้<br>
<b><br>1. ถ้าอยากร้องไห้ ….. จงร้องให้เต็มที่</b><br>
ระบายความรู้สึกเจ็บปวดอย่างสุดแสนออกมาทางน้ำตา อย่าพยายามเก็บกดความรู้สึกเอาไว้ การร้องไห้เป็นการระบายอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้มีการปรับความสมดุลทางอารมณ์ให้กลับสู่สภาวะปกติหรือใกล้เคียงปกติมากที่สุด<br>
<br>
<b>2. เสียใจได้…..แต่อย่าให้เสียคน</b><br>
การเสียใจทำให้เราได้รู้ว่า อย่างน้อยเราก็มีหัวใจไว้รักไว้เจ็บ มีความทุกข์ความสุขได้เหมือนคนอื่น ต้องรู้จักควบคุม รู้จักความพอดี อย่าคิดว่าตัวเองไม่มีคุณค่าและอย่าคิดทำร้ายตัวเอง อย่าลืมว่าเรายังมีพ่อแม่ที่รักเรามากที่สุด และเป็นความรักที่ยั่งยืนที่สุดด้วย แล้วคิดเสียว่าก่อนจะมีใครคนนั้นเราสามารถมีชีวิตอยู่มาได้ และเมื่อเขาไปเราก็ต้องอยู่ต่อไปได้เช่นกัน<br>
<br>
<b>3. อย่าแบกทุกข์ตามลำพัง กลับไปหา “พ่อแม่” ดีที่สุด</b><br>
พูดคุยกับท่าน ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นและเจ็บปวดแสนสาหัสให้ท่านฟัง แล้วเราจะได้รับกำลังใจอันมีค่าที่สุดจากท่าน หรืออาจใช้วิธีเขียนความรู้สึกลงในกระดาษ ซึ่งจะช่วยให้เราเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น<br>
<br>
<b>4. ปฏิวัติตัวเองเสียใหม่</b><br>
ยายามปรับปรุงตัวเองในภาพลักษณ์ใหม่ที่ไฉไลและดูดีกว่าเดิม อย่าปล่อยให้ตัวเองหน้าโทรม ผมเผ้ารุงรัง ตาปูด ผอมโซ อย่าให้ชีวิตรักที่ไม่สมหวังมาทำให้ตัวเองต้องจมจ่อมอยู่กับความทุกข์ตลอดเวลา<br>
<br>
<b>5. หันเหความสนใจไปทำกิจกรรมอื่นๆ</b><br>
อย่าเก็บตัว แรกๆ อาจจะต้องฝืนความรู้สึกอยู่บ้าง แต่ถ้าได้ลงมือปฏิบัติแล้ว อารมณ์และความรู้สึกต่างๆ จะดีขึ้น เช่น เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง อ่านหนังสือ เป็นต้น<br>
<br>
<b>6. ให้คิดเสียว่าประสบการณ์ “อกหัก” เป็นประโยชน์ต่อชีวิต</b><br>
เพราะมันจะเป็นเหมือนสะพานอีกขั้นหนึ่งให้เราได้ก้าวไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ ให้เราได้ใช้ชีวิตอีกระดับหนึ่ง และกำไรที่เหลืออยู่จากประสบการณ์ “อกหัก” ก็คือ ได้เรียนรู้ว่ารักเป็นอย่างไร ถ้าไม่สุขจนล้นมาเสียก่อนจากการได้รักและถูกรัก แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเจ็บเจียนตาย นอนน้ำตาไหลพรากเป็นท่อน้ำประปาแตกนั้นมันทุกข์แค่ไหน<br>
<u><b>อาจดูว่ามันอ้างว้าง แต่ว่าทางที่เดินก็กว้างพอ … ไม่ต้องรอไปแบ่งกับใคร</b></u><br>
แม้ความรักที่ไม่สมหวังทำให้ต้องสูญเสียความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้แก่กันไปมากน้อยแค่ไหน หรือแม้กระทั่งทำลายความเป็นตัวของตัวเองให้ลดน้อยไปมากเพียงใดก็ตาม แต่หากเราได้เรียนรู้เพื่อที่จะ “อกหักให้เป็น” ความรักที่ไม่สดใสอาจกลายเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เรามองเห็นโลกที่กว้างใหญ่และสวยงามขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้...<br><div style="text-align: center;"><b>เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดย manman</b>
<iframe width="340" height="282" src="https://www.youtube.com/embed/J-_lytOtbgQ" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen=""></iframe></div>
</div>lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-5580276118286287422021-10-15T22:39:00.000-07:002021-10-15T22:39:59.090-07:00เจ้าศรีพรหมาหญิงสาวผู้ที่กล้า ปฎิเสธความรัก จากรัชกาลที่ 5<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKMENgSNdmJw3GRNRjLt1FVb1th3OeABH6Vdv0BIoP9bORGf_LrrZI6fiCkglLdUbwV7j-tFh40eaRF5Uu4bpovkAjSx0N87VTOgjNwP-WiP_p4KxuvKWL5KzRxO7OZFN8atJ_Fs0utKg/s1600/2016_10_23_12_50_12.png" imageanchor="1" style="text-align: center;"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKMENgSNdmJw3GRNRjLt1FVb1th3OeABH6Vdv0BIoP9bORGf_LrrZI6fiCkglLdUbwV7j-tFh40eaRF5Uu4bpovkAjSx0N87VTOgjNwP-WiP_p4KxuvKWL5KzRxO7OZFN8atJ_Fs0utKg/s640/2016_10_23_12_50_12.png" width="406"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
เผยโฉมหน้า !! "เจ้าศรีพรหมา" หญิงสาวผู้ที่กล้าปฎิเสธ ความรัก จาก "รัชกาลที่ 5"</div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
ขอนำเสนอบทความเกี่ยวกับ "เจ้าศรีพรหมา" ผู้กล้าปฏิเสธ "ความรักจาก รัชกาลที่5" "เจ้าศรีพรหมา" เป็นธิดาของเจ้าผู้ครองนครน่าน เจ้าศรีพรหมาเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม พ.ศ.2431 </div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
เมื่อเจ้าศรีพรหมาอายุได้ 3 ขวบเศษ พระยามหิบาลบริรักษ์ ข้าหลวงในรัชกาลที่ 5 และคุณหญิงอุ๊น ภรรยา ได้ขอเจ้าศรีพรหมา ไปเป็นบุตรบุญธรรม เจ้าศรีพรหมาจึงได้ไปอยู่กับพระยามหิบาลฯ </div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxL7lxShMePNYaCf1kYLUql3SW0GlFe7ncGdZnAWvRw57e7J04neckvqlmJ55BIX1ASnDVpLAjV931AdlBznSHeC9ZE_EaIDf4IPiT4PjS_fGDA9crnonboLuu0haXZZQkt4WAacSR5eY/s1600/2016_10_23_14_47_17.png" imageanchor="1" style="text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxL7lxShMePNYaCf1kYLUql3SW0GlFe7ncGdZnAWvRw57e7J04neckvqlmJ55BIX1ASnDVpLAjV931AdlBznSHeC9ZE_EaIDf4IPiT4PjS_fGDA9crnonboLuu0haXZZQkt4WAacSR5eY/s640/2016_10_23_14_47_17.png" width="298"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ที่กรุงเทพฯเจ้าศรีพรหมาใช้ชีวิตและเรียนหนังสืออยู่ในวังร่วมกับเจ้านายในพระราชวงศ์จักรี เป็นเวลา 3 ปี จึงได้ตามครอบครัวพระยามหิบาลบริรักษ์ไปอยู่ที่ประเทศรัสเซียและประเทศอังกฤษ ตามลำดับ ทำให้ได้มีโอกาสฝึกฝนภาษาอังกฤษไปด้วยเมื่อเจ้าศรีพรหมากลับจากต่างประเทศ ก็ได้เข้าไปรับราชการเป็นคุณข้าหลวงในสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี </div>
<div dir="ltr">
<br>
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div dir="ltr">
ซึ่งบางคราวก็ทำหน้าที่เป็นล่ามติดต่อกับชาวต่างประเทศ ในช่วงนั้นเจ้าศรีพรหมากำลังเป็นสาวเต็มตัว มีทั้งความสวย และอุปนิสัยโอบอ้อมอารี มีความเชื่อมั่นในตัวเอง ผิดจากสตรีชาววังทั่วไป เนื่องจากได้ไปใช้ชีวิตช่วงหนึ่งที่ต่างประเทศ พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่5 ทรงพอพระราชหฤทัยเป็นอย่างมากถึงกับจะโปรดให้รับราชการเป็นเจ้าจอม </div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYsDYsfG9kRJd41m1kO8Z1R9YJXiJ_JGgx9QxL_ZGpylEx0-YW7Ql4uSxXlcYhq6uW5Yh64agF0PhVXLsO9hJofj8MKcDF0nCuLlfjJmCrRVsNEpjm7ySwYsPb4eVHdyZjeRytdqhb6wc/s1600/2016_10_23_14_47_28%2525281%252529.png" imageanchor="1" style="text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhYsDYsfG9kRJd41m1kO8Z1R9YJXiJ_JGgx9QxL_ZGpylEx0-YW7Ql4uSxXlcYhq6uW5Yh64agF0PhVXLsO9hJofj8MKcDF0nCuLlfjJmCrRVsNEpjm7ySwYsPb4eVHdyZjeRytdqhb6wc/s640/2016_10_23_14_47_28%2525281%252529.png" width="304"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
จนมีขุนนางบางท่านได้พูดถึงเรื่องนี้กันว่า ถึงกับจะให้เป็นพระสนมเอกเลยทีเดียว </div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
แต่เจ้าศรีพรหมาก็ได้กราบทูลปฏิเสธโดยเลี่ยงที่จะทูลเป็นภาษาไทย จึงทูลเป็นภาษาอังกฤษแทนเมื่่อแปลเป็นไทยความว่า <b>"ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ข้าพระพุทธเจ้าเคารพพระองค์ในฐานะพระมหากษัตริย์ มิได้รักใคร่พระองค์ท่านในทางชู้สาว"</b> </div>
<div dir="ltr">
<br></div>
<div dir="ltr">
ซึ่งรัชกาลที่ 5 ก็ทรงเมตตาให้เป็นไปตามความต้องการของเจ้าศรีพรหมา และทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อเจ้าศรีพรหมาเสมอ ถึงกับฉายรูปเจ้าศรีพรหมาด้วยพระองค์เอง และเก็บไว้ในห้องบรรทมตลอดมา</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpeTpDu6JkWo5QdLKZ5wx-CAqcZPBhKw4ijn83ol5NPjnKAsf2MHzpJPXcIXQVAOQwBNn3TiW1jPKuonn69sNK74aQgn3K8cWLO4erSLnKWorOBYNxRmwtn34rm1qwCb84ZYrZ74q7Qy4/s1600/2016_10_23_14_47_41.png" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgpeTpDu6JkWo5QdLKZ5wx-CAqcZPBhKw4ijn83ol5NPjnKAsf2MHzpJPXcIXQVAOQwBNn3TiW1jPKuonn69sNK74aQgn3K8cWLO4erSLnKWorOBYNxRmwtn34rm1qwCb84ZYrZ74q7Qy4/s640/2016_10_23_14_47_41.png"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
เจ้าศรีพรหมาได้เษกสมรสกับหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร เจ้าศรีพรหมาจึงมีฐานะเป็น "หม่อมศรีพรหมา" ตั้งแต่นั้น(ชมภาพ)</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiykx1GHgm7xreFRsYFjkHvZn5e7fQFJ45yDLDLwQS45AMpGqDsMPiQBZJZuObB-hl7aORPleub1Ns1NttG1UrODgkPV1bOjylYG074FBh-nNh2zhSJYIZT2Asze24Jo7g7BYQcWHRcMM0/s1600/2016_10_23_14_59_28.png" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiykx1GHgm7xreFRsYFjkHvZn5e7fQFJ45yDLDLwQS45AMpGqDsMPiQBZJZuObB-hl7aORPleub1Ns1NttG1UrODgkPV1bOjylYG074FBh-nNh2zhSJYIZT2Asze24Jo7g7BYQcWHRcMM0/s640/2016_10_23_14_59_28.png"></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
"เจ้าศรีพรหมา" เป็นธิดาของเจ้าผู้ครองนครน่านได้รับการสนับสนุน1</div>
<div dir="ltr">
เจ้าศรีพรหมาได้เษกสมรสกับหม่อมเจ้าสิทธิพร กฤดากร เจ้าศรีพรหมาจึงมีฐานะเป็น "หม่อมศรีพรหมา"</div>
</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-82392682430999783212021-10-15T21:10:00.000-07:002021-10-15T21:10:26.476-07:00โชคชะตาอันพลิกผันของแมวตัวหนึ่ง ที่ได้กลายเป็นพนักงานประจำในพิพิธภัณฑ์รัสเซีย<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4Xw0FXnLAnYHC_QfcBIO7HFG-aK33610gN6mqtsEqFUV3OZC8zQYHEbuiqDpsSEPKbXtisP36VjEzBHdrk-Vhw7pvQvdT7FY95Kqvkr1ttZUkR3ZUf0BzQIrHLB0wtfe-Z8-2lpTYW1E/s1600/photo6-4.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4Xw0FXnLAnYHC_QfcBIO7HFG-aK33610gN6mqtsEqFUV3OZC8zQYHEbuiqDpsSEPKbXtisP36VjEzBHdrk-Vhw7pvQvdT7FY95Kqvkr1ttZUkR3ZUf0BzQIrHLB0wtfe-Z8-2lpTYW1E/s400/photo6-4.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
โชคชะตาอันพลิกผันของแมวตัวหนึ่ง ที่ได้กลายเป็นพนักงานประจำในพิพิธภัณฑ์รัสเซีย!?</div>
<div dir="ltr">
เหล่ามะแมวเป็นสิ่งมีชีวิตมุ้งมิ้งที่ใครก็หลงใหล และล่าสุดความสดใสก็พลิกชะตาของแมวในพิพิธภัณฑ์ศิลปะตัวหนึ่งจนโด่งดังในเวลาชั่วพริบตา!!</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4-KzSKno5LdXRtoRIQcZBLHIyDyjxv6hfep2OoG3-GWX6AZAiOGEIuxsQs1m-yn485exggG4BEUxh0y_UwhNY9puBFDrDupndIsddRwx5uvgKqOCJZUT3hUFx4LXu2vGGVRVMaP7DZdc/s1600/photo1-8.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="256" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4-KzSKno5LdXRtoRIQcZBLHIyDyjxv6hfep2OoG3-GWX6AZAiOGEIuxsQs1m-yn485exggG4BEUxh0y_UwhNY9puBFDrDupndIsddRwx5uvgKqOCJZUT3hUFx4LXu2vGGVRVMaP7DZdc/s400/photo1-8.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
เจ้าเหมียวตัวนี้มีชื่อว่า Maray นับตั้งแต่ปี 2014 มันก็เที่ยวตะลอนไปทั่วพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะ Serpukhovในเมือง Serpukhov ประเทศรัสเซีย</div>
<div dir="ltr">
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div dir="ltr">
โดยมันถูกตั้งชื่อจากเจ้าหน้าที่ว่า ‘Anna Maraeva’ และตลอดเวลาหลายปี มันก็ทำหน้าที่เสมือนพนักงานต้อนรับอย่างไม่เป็นทางการของพิพิธภัณฑ์ โดยมันจะคอยทักทายนักท่องเที่ยวที่แวะเข้ามาในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เสมอ</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<script async src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js?client=ca-pub-3134526468117619"
crossorigin="anonymous"></script>
<div dir="ltr">
แล้วความฮาก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนช่วงวัน April Fool’s Day ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้นึกมุกขำๆ ด้วยการแกล้งเขียนจดหมายสมัครงานจากน้องเหมียวในฐานะพนักงานประจำพิพิธภัณฑ์ ซึ่งตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้พิจารณารับมันเข้าทำงานเรียบร้อยแล้ว</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFBWDEUw-KjorUjbT2KqmXYs-gQ2iHzSQZnChQGGUqRLaz0k59ObC0aj38LyA57GV4zJSUt-8IlUx7kzZNnldtVUFls0nu3H8ADMBNSekVjjM9bSSA23216E-n_5qDHwig9YD_LEFbYbs/s1600/photo3-9.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgFBWDEUw-KjorUjbT2KqmXYs-gQ2iHzSQZnChQGGUqRLaz0k59ObC0aj38LyA57GV4zJSUt-8IlUx7kzZNnldtVUFls0nu3H8ADMBNSekVjjM9bSSA23216E-n_5qDHwig9YD_LEFbYbs/s400/photo3-9.jpg" width="356" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
เดิมทีการอำนั้นตั้งใจทำขึ้นแบบน่ารัก ขำๆเฉยๆ แต่แล้วสื่อรัสเซียก็ไม่รู้ว่านั่นคือเรื่องฮา หากแต่คิดว่านั่นคือเรื่องจริงจัง และข่าวดังกล่าวก็ถูกนำเสนอไปทั่วประเทศในเวลาชั่วข้ามคืน</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
ผลก็คือ…ตอนนี้เจ้า Anna Maraeva ได้กลายเป็นเจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัณฑ์อย่างเต็มตัวแล้ว!! โดยมีรายชื่อของมันอยู่ในลิสต์พนักงาน รวมถึงมีจุดโต๊ะส่วนตัวของตนเองอีกด้วย</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhm7Hrk7E1IbSO8BC9ILIjlZoow3SHnZxOaGsbL_baQ7E4scMlTAj4-VLCwWtGorlmQMJUwA0o_L6Z1XLDSWRNfMmN2jpBVXqpZutE-rzK4cZuBtw0aV8pvDzA5RJjEn_AIWgrFecYkwzE/s1600/photo5-7.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="229" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhm7Hrk7E1IbSO8BC9ILIjlZoow3SHnZxOaGsbL_baQ7E4scMlTAj4-VLCwWtGorlmQMJUwA0o_L6Z1XLDSWRNfMmN2jpBVXqpZutE-rzK4cZuBtw0aV8pvDzA5RJjEn_AIWgrFecYkwzE/s400/photo5-7.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ตอนนี้เจ้า Anna Maraeva ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นพนักงานต้อนรับส่วนหน้าประตู และเจ้าเหมียวก็ขยันไม่ใช่ย่อย เพราะมันมักจะมาปรากฏตัวเป็นประจำตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็นในทุกๆวัน ส่วนข้าวเที่ยง ข้าวเย็นก็หายห่วงเพราะทางเจ้าหน้าที่เลี้ยงมันเป็นอย่างดี มีเวลาพักผ่อนอย่างสุขสบาย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ตั้งเตนท์ไว้ให้มันใช้นอนพักผ่อนในช่วงกลางคืนได้อีกด้วย เจ้าหน้าที่สาวเผยว่า “ทุกคนที่ทำงานที่นี่รักเจ้า Maray ค่ะ หลายคนมักเอาอาหารมาให้มัน จนตอนนี้มันเริ่มมีพุงน้อยๆแล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวก็มักจะถ่ายเซลฟี่กับมันเช่นกัน เป็นอีกสีสันที่น่ารักทีเดียว”</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgMdv7NiClaajM0Nq10iZPxcOJ8FcrEh_jKZOkUHglQGN_cIX1HIk04bt6oQmvDcFidMJfLaszj_K7l68T18YJF9Wpolrhh7CTRD7Y9T8wL8-a2xuYl0cwtsZ7WNWQj-s5EAlKKQKrTyWQ/s1600/photo7-4.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgMdv7NiClaajM0Nq10iZPxcOJ8FcrEh_jKZOkUHglQGN_cIX1HIk04bt6oQmvDcFidMJfLaszj_K7l68T18YJF9Wpolrhh7CTRD7Y9T8wL8-a2xuYl0cwtsZ7WNWQj-s5EAlKKQKrTyWQ/s400/photo7-4.jpg" width="321" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ทั้งนี้ทางพิพิธภัณฑ์เผยว่า ณ ตอนนี้ยังไม่เปิดรับพนักงานน้องแมวมาเพิ่มเติม แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ ใครจะรู้</div>
</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-8510211398205214292020-02-05T01:54:00.000-08:002020-02-05T01:54:27.907-08:00ตำรานรลักษณ์สาวมีไฝใต้นมที่ลับ ควรที่ชายจะเอาเป็นเมียหรือไม<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4b-jsiNJhZOder9Irv63zLHEQe_XREP3WhtOFeR7SKZBKdeCu-WzHuZoIAJmaf2q06K1hwZvzYjq57fsd42HcWogrE6ThcJqNBcgedCbDMjCdWDqDCnBjQjzZ5Oj8Dw_s5fB4DFdGNZI/s1600/images%2525281%252529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="225" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi4b-jsiNJhZOder9Irv63zLHEQe_XREP3WhtOFeR7SKZBKdeCu-WzHuZoIAJmaf2q06K1hwZvzYjq57fsd42HcWogrE6ThcJqNBcgedCbDMjCdWDqDCnBjQjzZ5Oj8Dw_s5fB4DFdGNZI/s400/images%2525281%252529.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ส่อง “ตำรานรลักษณ์” สาวมีไฝใต้นม-ที่ลับ ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย?</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
สาวสยามจากหนังสือ The Country and People of Siam โดย Karl Döhring<br />
ผู้เขียน พล อิฏฐารมณ์<br />
<br />
ตำราดูลักษณะคนมีอยู่แพร่หลายไปทั่วทั้งตะวันตกและตะวันออก แต่ตอนนี้ศาสตร์ที่ว่านี้ในตะวันตกได้ถูกมองว่าเป็น “วิทยาศาสตร์เทียม” และไม่ได้รับการยอมรับอีกต่อไป ขณะที่ในตะวันออกวิชาดูลักษณะยังคงได้รับความนิยมอยู่</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
ที่ยังคงแพร่หลายในยุคนี้ก็คือวิชาดูโหงวเฮ้งของจีน ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างมากในเมืองไทย ขนาดที่ผู้บริหารของบริษัทใหญ่ๆ ยังต้องจ้างซินแสมาให้คำปรึกษาในการคัดคนเข้าทำงานด้วย</div>
<div dir="ltr">
ของไทยเองก็มีศาสตร์ทำนองนี้เหมือนกัน ซึ่งผู้เขียนต้องยอมรับว่า “ไม่รู้” ว่าไทยเราไปรับเอามาจากข้างไหน (หรือคิดค้นขึ้นเอง, มิตรรักผู้อ่านมีความรู้ก็ฝากแบ่งปันผ่านโซเชียลกันมาได้นะครับ)</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwWSaYJ5ebdIrKe6tFDfelChWMGdwC_TeAFmWycyg5UreyI81_CncUU3OY3QUk5p0wsmARCHRx5Sr_QIEqiHF-JvGC7S6hyphenhyphen55I60nDf7Qb4st9edG4Ku8W9vbTcZn8CBm6NGQxjYZU6Gc/s1600/images.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="357" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwWSaYJ5ebdIrKe6tFDfelChWMGdwC_TeAFmWycyg5UreyI81_CncUU3OY3QUk5p0wsmARCHRx5Sr_QIEqiHF-JvGC7S6hyphenhyphen55I60nDf7Qb4st9edG4Ku8W9vbTcZn8CBm6NGQxjYZU6Gc/s400/images.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ตำราที่ผู้เขียนอยากจะกล่าวถึงคือตำราที่ชื่อว่า “นรลักษณ์” หรือลักษณะของนารี ที่เคยถูกนำมาตีพิมพ์ใน “บานไม่รู้โรย” ฉบับ กรกฎาคม 2528 ซึ่งปัจจุบันก็ไม่ค่อยได้ยินคนพูดถึงเท่าใดนัก แต่ผู้เขียนก็อยากยกมาให้ท่านผู้อ่านได้ลองดูว่าคุณลักษณะที่ถูกอ้างถึงเหล่านี้ จะทำให้ผู้หญิงมีพฤติกรรมตรงตามที่เขาว่าหรือไม่ เช่น</div>
<div dir="ltr">
<br />
</div>
<div dir="ltr">
1. หญิงใดมีหนวดเครา และมีขนหน้าแข้งเหมือนผู้ชาย เป็นหญิงอัปลักษณ์ ชอบทำลายทรัพย์สมบัติของผัว หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
2. หญิงใดมีสะโพกเอียง หรือเวลาเดินไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นหญิงอัปลักษณ์ หาผัวยาก หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
3. หญิงใดที่แก้มมีลักยิ้มบุ๋มทั้งสองข้าง เป็นหญิงหลายใจ รักง่ายหน่ายเร็ว หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
4. หญิงใดชอบนอนคว่ำนอนหงายเป็นประจำ เป็นหญิงที่ชอบนอกใจผัวไม่น่าไว้วางใจ หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
5. หญิงใดมีหลังมือหลังเท้านูนเหมือนหลังเต่า และมีนิ้วมือชิดสนิทกัน เป็นหญิงเจ้าทรัพย์ ใครได้เป็นเมียจะมีแต่ความสุขความเจริญ หญิงเช่นนี้ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
6. หญิงใดมีปานดำที่ฝ่ามือ หน้าอก และในที่ลับ หรือปานแดง ไฝแดง ที่ฝ่ามือฝ่าเท้า เป็นหญิงที่มั่งมีด้วยทรัพย์สมบัติ หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
7. หญิงใดมีไฝที่ของลับหรือในที่ลับ เป็นหญิงมีชื่อเสียง มียศฐาบรรดาศักดิ์ หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
8. หญิงใดมีไฝที่ใต้นม เป็นหญิงมีเสน่ห์มีคนรักใคร่ มีโชคลาภเป็นประจำ หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
9. หญิงใดมีไฝที่หูข้างขวา เป็นหญิงที่มีจิตใจอารี เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป หญิงเช่นนี้สมควรที่ชายจะเอาไปเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
10. หญิงใดมีไฝที่ขมับข้างขวาเป็นหญิงที่มีใจรวนเร ชอบนอกใจผัวหญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
11. หญิงใดมีไฝที่ลูกกระเดือกเป็นหญิงที่มีใจอำมหิตโหดร้าย หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
12. หญิงใดมีไฝที่ริมฝีปากล่างเป็นหญิงอาภัพ พึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ต้องช่วยตัวของตัวเอง หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
13. หญิงใดมีไฝที่ริมฝีปากบนเป็นหญิงที่ชอบเล่นชู้ มีผัวบ่อยๆ หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
14. หญิงใดมีไฝที่ดั้งจมูกเป็นหญิงที่หงุดหงิดง่าย โกรธ่าย เอาแต่ใจตัวเอง หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
15. หญิงใดมีไฝที่หน้าผาก หรือระหว่างคิ้ว เป็นหญิงอาภัพ ลูกและผัวมักจะตายจากกัน หญิงเช่นนี้ไม่ควรที่ชายจะเอาเป็นเมีย</div>
<div dir="ltr">
นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของตำราดูสาวแบบไทยๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า ข้อสรุปดังกล่าวได้มาจากการเก็บสถิติ หรือนั่งทางใน เพราะมิได้มีการอธิบายที่มาที่ไปเป็นที่ชัดแจ้ง แต่ได้ตัดสินสาวๆ จากรูปลักษณ์เพียงภายนอกออกเป็น ดี-เลว ไปแล้ว</div>
<div dir="ltr">
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="fluid" data-ad-layout="in-article" data-ad-slot="1092485709" style="display: block; text-align: center;"></ins><script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div dir="ltr">
ใครเที่กิดมาโชคดีมีลักษณะดีๆ (ตามตำราเขาว่า) ก็ดีไป แต่ใครได้ในทางไม่ดีก็คงต้องเดือดร้อน หากเชื่อก็คงต้องเสียสะตุ้งสะตัง ไปเอาไอ้นู่นเข้าไอ้นี่ออกกันอีก ยังดีที่ความเชื่อ “ทำนองนี้” ค่อยๆ หมดความเชื่อถือไปแล้วในยุคปัจจุบัน (แม้จะยังเหลืออยู่บ้างในหมู่ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆ ก็ตาม)</div>
<center>
<iframe width="340" height="226" src="https://www.youtube.com/embed/_molHI3ploI" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture" allowfullscreen></iframe>
</center>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-28475198199389383472017-02-02T17:46:00.001-08:002017-02-22T18:02:23.123-08:00นางบำเรอทหารญี่ปุ่นบนแผ่นดินไทยสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2<div dir="ltr">
นางบำเรอทหารญี่ปุ่น “บนแผ่นดินไทย” สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9SPRos10kW774M54_y6ckVs2hu6S18mbJmfUcfCrdYziivCBLot619utabU7DwGOlZXJa2bRwdB4cG7D9c8ofqmII645fk7pcmLjMq2F1uVDpOuIGKU78l3CPMBRIWhimwQtHbft91Vs/s1600/APP2001050945125_1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="321" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9SPRos10kW774M54_y6ckVs2hu6S18mbJmfUcfCrdYziivCBLot619utabU7DwGOlZXJa2bRwdB4cG7D9c8ofqmII645fk7pcmLjMq2F1uVDpOuIGKU78l3CPMBRIWhimwQtHbft91Vs/s400/APP2001050945125_1.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
เรื่องราวของนางบำเรอที่ถูกใช้ปรนเปรอตัณหาของทหารญี่ปุ่น หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “ผู้หญิงปลอบขวัญ” (comfort woman) เป็นเรื่องที่คนตามข่าวต่างประเทศเป็นประจำน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะสตรีที่ส่วนใหญ่ตอนนี้อยู่ในช่วงบั้นปลายของชีวิตจะออกมาทำกิจกรรมเรียกร้องให้ญี่ปุ่นชดเชยความเสียหายทั้งกายและใจให้กับพวกเธอกันทุกปี</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
รายงานส่วนใหญ่จะมาจากทางฝั่งเกาหลีบ้าง จีนบ้าง ไต้หวันบ้าง ฟิลิปปินส์บ้าง แต่ไม่มีเรื่องราวจากฝั่งไทยให้เห็นเลย ส่วนหนึ่งก็อาจเป็นเพราะบ้านเราเป็นพันธมิตรของญี่ปุ่น กองทัพญี่ปุ่นสมัยนั้นจึงไม่อาจทำรุ่มร่ามใช้กำลังข่มเหง ล่อลวงหญิงสาวชาวบ้านเหมือนที่ทำในดินแดนที่พวกเขาไปบุกรุกรานได้ (อย่างโจ่งแจ้ง)</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
แต่จากการค้นคว้าของคุณโสภิดา วีรกุลเทวัญ พบว่าในเมืองไทยก็มีสถานบริการทางเพศจำเพาะสำหรับบรรดาทหารญี่ปุ่นเหมือนกัน บรรดาหญิงบริการเหล่านี้จำนวนหนึ่งถูกส่งมาจากต่างประเทศ โดยจะพักอยู่รวมกันในบ้านหลังหนึ่งกลางอำเภอเมืองกาญจนบุรีมีผู้หญิงอยู่ราว 10-20 คน</div>
<div dir="ltr">
“ผู้หญิงพวกนี้พูดไทยไม่ได้ ที่ผมเห็นเป็นคนญี่ปุ่น…มีผู้หญิงคนหนึ่งพยายามฆ่าตัวตาย โดดลงมาจากชั้นบนแต่ก็ไม่ตาย ที่นี่ให้แต่คนญี่ปุ่นเท่านั้น คนไทยเข้าไม่ได้…ญี่ปุ่นระวังเรื่องซิฟิลิสมาก เขามีหมอมาควบคุม มาตรวจอะไรเรื่อย เพราะกลัวทำให้เก็บป่วย” อดีตครูประชาบาลรายหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรีกล่าว</div>
<div dir="ltr">
“ผู้หญิงปลอบขวัญ” หรือ comfort woman สามรายที่ถูกบังคับ หรือล่อลวงให้มาเป็นโสเภณีให้กับกองทัพญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะการแถลงข่าวในกรุงไทเป ของไต้หวัน เมื่อ 13 สิงหาคม 1992 (AFP PHOTO / TAO-CHUAN YEH)</div>
<div dir="ltr">
<br />
ด้านคุณนิทัศน์ ถนอมทรัพย์ อดีตนายกเทศมนตรีและคนที่อยู่ในพื้นที่ในขณะเกิดเหตุอีกรายเล่าว่า ผู้หญิงเหล่านี้มีทั้งเกาหลี ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยเมื่อทหารเข้ามาตั้งมั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็จะส่งผู้หญิงตามมา โดยต้องเดินกันมาจากบ้านโป่ง</div>
<div dir="ltr">
ส่วนบรรดาหญิงไทยที่เข้ามามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับทหารญี่ปุ่นก็มีอยู่เหมือนกัน ซึ่งมีทั้งแบบตามครรลองจารีต สู่ขอกันเป็นเรื่องเป็นราว และความสัมพันธ์แบบลับๆ รวมทั้งการค้าประเวณีด้วย<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
โดยคุณนิทัศน์เล่าว่า</div>
<div dir="ltr">
“เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๘๒ ได้มีชาวญี่ปุ่น ๒-๓ คนเข้ามาเปิดร้านขายผ้าอยู่ที่ตำบลบ้านเหนือ อำเภอเมือง กาญจนบุรี โดยชาวญี่ปุ่นได้จ้างผู้หญิงไทย ๒-๓ คน มาเป็นพนักงานขายอยู่ในร้านขายผ้าแห่งนี้ ภายหลังผู้หญิงไทยเหล่านี้ก็ตกเป็นภรรยาชาวญี่ปุ่นทั้งหมด”</div>
<div dir="ltr">
ขณะที่พ่อค้าที่เคยค้าขายกับทหารญี่ปุ่นรายหนึ่งอ้างว่า ข้าราชการบางรายถึงกับทำตัวเป็นแมงดาเสียเอง ด้วยการส่งภรรยาตัวเองไปเป็นนางบำเรอให้กับทหารญี่ปุ่น</div>
<div dir="ltr">
“เป็นผู้หญิงชาวบ้านนี่แหละ ไม่ได้บังคับ ญี่ปุ่นก็ให้เงินผัวผู้หญิงเป็นข้าราชการ เมียเลี้ยงลูกอยู่บ้าน เงินเดือนข้าราชการพอกินเมื่อไหร่สมัยนั้น พอทหารญี่ปุ่นกลับ เขาก็ไม่ได้เอาผู้หญิงไทยกลับ”</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
และกลุ่มผู้หญิงไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องบำบัดตัณหาของทหารญี่ปุ่นโดยตรงก็คือบรรดาหญิงสาวที่ทำการค้าประเวณีอยู่แล้ว โดยผู้หญิงไทยกลุ่มนี้จะถูกกะเกณฑ์ให้เข้ามารับใช้กลุ่มพลทหารเป็นส่วนใหญ่ ส่วนผู้หญิงตะวันออกไกลที่นำเข้ามาจากต่างประเทศจะเอาไว้ให้บริการสำหรับนายทหารระดับสูง</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
“เขามีล่ามนะ ในกรุงเทพฯ เขาก็ไปสะพานถ่าน เกณฑ์มาเลย เอาไหมเงินเดือนเท่านั้น รายได้พิเศษก็ว่าไป เขาเรียกว่า จ้างเกณฑ์ คือบังคับให้มา แล้วก็จ่ายค่าตอบแทนให้ด้วย ผู้หญิงก็จะหมุนเวียนกันไป มีคนคอยจัดการดูแล ซ่องญี่ปุ่นไม่เกี่ยวเลยยุ่งไม่ได้ ตำรวจก็ไม่ได้จับกุมหรือควบคุมอะไร” คุณนิทัศน์กล่าว</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
คุณโสภิดาบอกว่า กองทัพญี่ปุ่นมีการควบคุมทหารแบบ “ปากว่าตาขยิบ” คือไม่อนุญาตให้นำผู้หญิงไทยเข้าไปในค่าย แต่ถ้าทหารจะออกไปมีอะไรกับหญิงไทยนอกค่ายได้ไม่มีปัญหา ทำให้กิจการค้าประเวณีในกาญจนบุรีมีหลายรูปแบบ รวมถึงการพายเรือเร่ขายผู้หญิงด้วย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
“เอาผู้หญิงใส่เรือไป แล้วก็ตกลง ญี่ปุ่นก็อยู่ท้ายน้ำ เสร็จแล้วก็ยกนิ้ว ๒๐ บาท มันบอกว่าไม่มีตังค์ เอาปากกาได้ไหม เราบอกว่าได้ แล้วก็ขึ้นหาด ไปปูเสื่อให้ที่โคนตะไคร้บังหน้า มันก็ล่อกันในหาดนั่นแหละ เสร็จแล้วก็ม้วนเสื่อลงเรือพายเรื่อยไป” ชายชราที่เคยเป็นฝีพายเร่ขายผู้หญิงกล่าว</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAAYXaMIwmek3PyMSeY9FZQJo3HCxZYC7wCDKYUphr0ttSEN_IN3niT2oQnaEHjtZ9YxuTmJVF618ELuDs0_UKM8lAUL23AL5j2uOLMC_J02qzPcH_nO7BEuxHTLu11PvBeLTfvjve3sQ/s1600/1-1-696x487.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="280" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAAYXaMIwmek3PyMSeY9FZQJo3HCxZYC7wCDKYUphr0ttSEN_IN3niT2oQnaEHjtZ9YxuTmJVF618ELuDs0_UKM8lAUL23AL5j2uOLMC_J02qzPcH_nO7BEuxHTLu11PvBeLTfvjve3sQ/s400/1-1-696x487.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ภาพเก่า สะพานข้ามแม่น้ำแคว</td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
จากที่เล่ามาจะเห็นได้ว่า ผู้หญิงไทยที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับทหารญี่ปุ่นมักจะเกิดขึ้นโดยสมัครใจ แต่คุณโสภิดา ก็ให้มุมมองหนึ่งที่น่าสนใจว่า คนไทยอาจจะมองโสเภณีเป็นคนนอกจึงไม่ให้ความสนใจกับคนกลุ่มนี้สักเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วที่พวกเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอาจจะด้วยถูกล่อลวง หรือหากสมัครใจมาก็อาจได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมด้วยก็เป็นได้ เพียงแต่ไม่มีการศึกษาเรื่องนี้สักเท่าใดนัก</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
“ในงานศึกษาชิ้นนี้ไม่สามารถสืบค้นในรายละเอียดของชีวิตผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกับทหารญี่ปุ่น แต่ข้อมูลจากคำบอกเล่าของผู้อยู่ในสงครามทำให้เห็นว่า ผู้หญิงเหล่านี้ถูกจัดหามาในฐานะวัตถุทางเพศ ซึ่งมีหน้าที่บำบัดความต้องการของทหารญี่ปุ่นโดยตรง และจำนวนผู้หญิงเหล่านี้ยังมีน้อยกว่าผู้ใช้บริการหลายสิบเท่าตัว ซึ่งทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้หญิงจะต้องรองรับความต้องการทางเพศของทหารเหล่านั้นเป็นจำนวนมาก” คุณโสภิดากล่าว</div>
<div dir="ltr">
อ้างอิง: ตามรอย comfort women</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-50316435011611100502016-12-02T14:19:00.001-08:002019-01-03T19:54:32.295-08:00เหตุผลที่นักเรียนญี่ปุ่น ต้องใส่กระโปรงสั้น เมื่อได้รู้กฎแล้วโคตรช๊อก<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhlJw5wR-BDL5bhwZeryXoSWYz2jQS6S_fUIfDm_kJ9LZtJkJtORjG_aZgwNXLsQNCc5fzNLkRNr_NaTpfwsQuoh54QAHgouEbZmRom7vt-kSvi-sWrgtaFiGV1AgoBKcyjb6vo23X1fRQ/s1600/25-1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="210" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhlJw5wR-BDL5bhwZeryXoSWYz2jQS6S_fUIfDm_kJ9LZtJkJtORjG_aZgwNXLsQNCc5fzNLkRNr_NaTpfwsQuoh54QAHgouEbZmRom7vt-kSvi-sWrgtaFiGV1AgoBKcyjb6vo23X1fRQ/s400/25-1.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
รู้กันซักที!! เหตุผลที่นักเรียนญี่ปุ่น ต้องใส่กระโปรงสั้น เมื่อได้รู้กฎแล้วโคตรช๊อก!! </div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
– สรีระของสาวญี่ปุ่นส่วนมากแล้ว (อย่าเอาพวกนางแบบ,ไอดอลไปรวม) ขาสั้นและใหญ่ เวลาใส่กระโปรงสั้น จะทำให้ดูสูงยาวขึ้น ,</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
– คนญี่ปุ่นส่วนหนึ่ง มีความเป็นตัวของตัวเองสูง รักอิสระ คือไม่อยากเรียนกัน เพราะไม่รู้จะเรียนไปทำไม อย่างนั้นอย่างนี้ ทางโรงเรียนเลย ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เลยให้นักเรียนแต่งตัวยูนิฟอร์มโรงเรียนมา<br />
แต่จะแต่งยังไงก็ได้ ขอให้มันดูเป็นชุดยูนิฟอร์มโรงเรียนแต่ผู้หญิงให้ใส่กระโปรงสั้นห้ามเลยเข่าขึ้นมา</div>
<div dir="ltr">
เกิน 1 คืบ และ ห้ามให้เห็น (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ)</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
– กฏของโรงเรียนส่วนมากจะอยู่ทีให้ยาวเท่าเข่า แต่อนุโลมให้สูงขึ้นเหนือเข่าได้ กี่เซนติเมตร ก็แล้วแต่กฎของโรงเรียนนั้นๆ ที่สั้นมากๆก็ตอนออกนอกโรงเรียน<br />
เฉลี่ยแล้วสั้นสุดอยู่ที่เกียวโต เหนือเข่า 16.7 cm</div>
<div dir="ltr">
เพื่อนๆคงจะเคยได้ยิน กฏ ต้องห้าม! ที่นักเรียนห้ามทำใน โรงเรียน กันมาเยอะแล้ว เช่น ห้ามเด็ดดอกไม้ ห้ามใส่รองเท้าเข้าห้องเรียน ห้ามนำขนม เครื่องดื่มมากินในห้องเรียน ห้ามลอกข้อสอบ .. ถ้าเพื่อนๆคิดว่า กฏแบบนี้มันทรมานจิตใจ นักเรียน อย่างเราซะเหลือเกิน แต่ยังไงก็ชอบแหกกฏกันอยู่ดีแหละ ใช่<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
1. ในเวลาเรียน อนุญาตให้จามได้แค่สามครั้งเท่านั้น หากจามเกินสามครั้ง ให้ไปห้องพยาบาล (หนูแค่จาม ไม่ได้ป่วยนะครู! แบบนี้ก็แย่นะถ้าคนเป็นภูมิแพ้หล่ะ!? )<br />
2. เวลาจะ สั่งน้ำมูก เพื่อไม่ให้รบกวนเวลาเรียน ให้แบ่งสั่งทีละนิด ๆ (ให้คิดซะว่าครูเป็นห่วง สั่งน้ำมูกแรงๆเดี๋ยว โพรงจมูกจะพังเอา)<br />
3. เวลาเรียนให้นั่งหลังตรง หน้าต้องห่างจากโต๊ะ 30 เซนติเมตร (นักเรียนคงนักเกร็งจนตะคริวกินแน่ๆเลย) <br />
4. การจดโน๊ตลงในสมุด ต้องใช้ไม้บรรทัดวางทาบและจดให้เรียบร้อย <br />
5. ห้ามพูดคุยกัน ไม่ว่าจะในระหว่างเรียนหรือตอนพัก (แล้วจะได้คุยกันตอนไหนคะเนี่ย ครู<br />
เพื่อนหนูคงไม่มีแน่ๆ) <br />
6. ห้ามถ่ายรูปตัวหนังสือบนกระดานดำ (อืม .. จำไว้นะ มือถือมีไว้โทร. เข้า-ออกเท่านั้น!!)<br />
7. ห้ามอวดคนอื่นว่า “เมื่อคืนอ่านหนังสือไม่ได้นอนเลย ในวันสอบ” (แบบนี้ก็มีด้วย!! แบบนี้เพื่อนๆก้คงต้องสังเกตุ ตาหมีแพนด้า กันเอาเองแล้วแหละ) <br />
8. ห้ามถามคำตอบจากเพื่อนหรือครูในห้องสอบ </div>
<div dir="ltr">
(อันนี้มันก็แน่นอนแหละ แต่ถ้าทำไม่ได้ ขอเป็นคอยีราฟหน่อยเนอะ!) <br />
9. ห้ามพับแขนเสื้อ <br />
10. ห้ามเอาแผ่นรองเขียนมาใช้เป็นพัด (ก็หวังว่าในห้องเรียนจะมีแอร์ พัดลมให้เย็นๆนะคะ) <br />
11. นักเรียนต้องปรบมือต้อนรับอาจารย์ทุกครั้งที่อาจารย์เข้ามาสอน (ภูมิใจ ครูชั้นเก่ง!!) <br />
12. ห้าม นักเรียน ชายแอบมองโรงยิมที่ใช้ซ้อมวอลเล่ย์บอลของ นักเรียนหญิง Advertisement <br />
13. ห้ามจู๋จี๋กันในที่ที่อาจารย์เห็น <br />
14. หากวิ่งมาราธอนเข้าเส้นชัยไม่ได้ในเวลา จะถูกทำโทษโดยให้วิ่งเพิ่ม (เหนื่อยเพิ่มกันไปนะจ๊ะ ถ้าคนอ้วนคงได้วิ่งทั้งวันอะนะ!! ได้ผอมสมใจก็คราวนี้แหละ)<br />
15. ห้ามมองหว่างขาของเพื่อนต่างเพศ และห้ามจินตนาการใด ๆ ทั้งนั้น (อันนี้สั่งไปแล้ว ห้ามได้ไม่ได้ใครจะไปรู้หล่ะ มันคิดอยู่ในสมองนะครู ) <br />
16. ห้ามแกล้งทำเป็นจมน้ำตอนเรียนชั่วโมงว่ายน้ำ (แล้วถ้าจมจริงๆ นักเรียนจะตายไหมอะ!) <br />
17. ห้ามนักเรียนที่เป็นแฟนกันกลับบ้านด้วยกัน 18. เวลามาโรงเรียน นักเรียนชายให้ลงสถานี XXX ส่วนนักเรียนหญิงให้ลงสถานี ZZZ (แล้วถ้าบ้านหนูอยู่สถานี XXX หนูต้องเดินย้อนกลับเองใช่ไหมคะ =.=” ) <br />
19. หากต้องการจะคุยกับเพื่อนเพศตรงข้าม ให้กรอกข้อมูลลงในใบขออนุญาตคุยไปยื่น เมื่อได้รับอนุญาตแล้ว ให้ไปคุยกันได้ที่ห้องสนทนา </div>
<div dir="ltr">
(จะคุยกันทียุ่งยากไปนะ) <br />
20. เพื่อไม่ให้นักเรียนแตกตื่นตกใจ เวลามีผู้ต้องสงสัยเข้ามา จะประกาศว่า “มีของมาส่งด่วน” หากได้ยิน ประกาศแบบนี้ ให้นักเรียนและอาจารย์อพยพกันอย่างเงียบ ๆ อย่ากระโตกกระตาก กฏ แปลกไปรึเปล่าเนี่ย .. แบบนี้นักเรียนก็เครียดตายเลย เอาเป็นว่าดูกันขำๆนะคะ เพื่อนๆที่คิดว่า โรงเรียนไทยกฏเยอะแล้ว นู้นนิด นี่หน่อยอะไรก็ทำไม่ได้ ลอง อ่าน กฏของ โรงเรียน ญี่ปุ่น แล้วจะรู้ว่า เรื่องของเราจิ๊บๆไปเลยครับ</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<iframe allowfullscreen="" class="YOUTUBE-iframe-video" data-thumbnail-src="https://i.ytimg.com/vi/fp99TV3edJc/0.jpg" frameborder="0" height="266" src="https://www.youtube.com/embed/fp99TV3edJc?feature=player_embedded" width="320"></iframe></div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-33200149501860188942016-11-21T16:51:00.001-08:002016-11-28T17:07:39.462-08:00ความชั่วอยู่กับตัว ความดีจะตอบแทน<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEguxM2J-Dlu8QIjmQbNoWCMHk3bt9j8jGSHD29mFYsAc6wMWxFuxck9Y0O-42xTmsiW3GcXUdnYLbV-U-iVBt11WcrXPmyfuBJFJfoQ_pdj8Zwx6w3ZGWHFlIRr8NaKeSajToGobqT8hqo/s1600/6fc5k2465.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="210" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEguxM2J-Dlu8QIjmQbNoWCMHk3bt9j8jGSHD29mFYsAc6wMWxFuxck9Y0O-42xTmsiW3GcXUdnYLbV-U-iVBt11WcrXPmyfuBJFJfoQ_pdj8Zwx6w3ZGWHFlIRr8NaKeSajToGobqT8hqo/s400/6fc5k2465.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
แทบช็อก!!! หญิงคนหนึ่งเอายาพิษใส่อาหารให้ขอทาน คาดไม่ถึงว่าผลที่ตามมา จะกลายเป็นแบบนี้ได้!??? มันเป็นสัจธรรมลึกซึ้งจริงๆ</div>
<div dir="ltr">
<br />
ผู้หญิงคนหนึ่งทำแพนเค้กให้ทุกคนที่บ้านกินเป็นอาหารเช้าทุกวัน และทำเผื่ออีกหนึ่งแผ่นเพื่อคนจรจัดที่ผ่านไปมา โดยเธอจะเอามันใส่ถุงไปแขวนไว้หน้าบ้าน ทุกวันจะมีลุงขอทานแก่ๆหลังค่อมคนหนึ่งมาหยิบไป </div>
<div dir="ltr">
ลุงคนนี้ไม่เคยเอ่ยคำว่า [ขอบคุณ] เลยสักครั้ง<br />
เอาแต่พร่ำว่า [ความชั่วอยู่กับตัว ความดีจะตอบแทน]<br />
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div dir="ltr">
หญิงนางนี้ได้ยินทุกวันก็โกรธ รู้สึกว่าตาลุงแก่นี่ไม่สำนึกในบุญคุณซะเลย วันหนึ่งก็เลยทนไม่ไหว เอายาพิษใส่ลงไปในแพนเค้ก แต่ขณะที่เธอถือไปแขวนไว้ที่ประตูใจคอรู้สึกไม่ดี ก็เลยเปลี่ยนใจ เธอเลยรีบเอามันไปเผาไฟ แล้วทำแพนเค้กปกติแผ่นใหม่ไปวางไว้แทน คิดว่าตาแก่คนนั้นยังไงก็น่าสงสาร</div>
<div dir="ltr">
หญิงนางนี้เธอพยายามทำบุญให้อาหารคนยากไร้กิน ก็เพราะลูกชายเธอหายสาบสูญ ไม่ติดต่อมาหลายเดือนแล้ว เธอภาวนาให้สิ่งที่เธอทำ ส่งผลให้ลูกเธอปลอดภัยแล้วกลับคืนสู่อ้อมกอดเธอ</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
แล้วสิ่งที่เธอหวังก็เป็นจริง กลางดึกคืนนั้นเอง มีคนมาเคาะประตูบ้าน เมื่อเธอเปิดออกไปดูก็เห็นภาพลูกชายเธอเองในสภาพผอมโซ เสื้อผ้าสกปรกขาดวิ่น แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ดีใจที่ลูกกลับมาอย่างปลอดภัย</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
ลูกชายของเธอเล่าให้ฟังว่า เมื่อเช้าระหว่างที่กำลังเดินกลับมาที่นี่ เขาเกือบจะหิวตายแล้ว เขาหิวมากไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวัน เขาล้มลงกลางถนน ดีที่มีคุณลุงแก่ๆหลังค่อมคนหนึ่งมาช่วยไว้ แกยื่นแพนเค้กให้เขา แล้วบอกว่า </div>
<div dir="ltr">
[กินซะ นี่เป็นอาหารประจำของเค้าเลย] ลุงแก่คนนั้นเลยยกแพนเค้กก้อนนั้นให้กิน แล้วเขาก็รอดชีวิตมาได้ด้วยแพนเค้กแผ่นนั้น</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
หญิงสาวได้ยินดังนั้นก็หน้าซีด มือชา น้ำตาร่วง นี่ถ้าเมื่อเช้าเธอเอาแพนเค้กใส่ยาพิษไปวางไว้ที่ประตู คนที่จะต้องตายก็คือลูกชายเธอเอง วินาทีนั้นเอง เธอถึงเข้าใจความหมายที่ลุงหลังค่อมพูด [ความชั่วอยู่กับตัว ความดีจะตอบแทน]</div>
<div dir="ltr">
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ทำอะไรก็ได้อย่างนั้น ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว</div>
<div dir="ltr">
เราฝากอะไรไว้ในธนาคาร เราก็จะได้รับสิ่งนั้น; เราให้อะไรกับจักรวาล เราก็จะได้รับมันคืน; เราทำร้ายโลก โลกก็จะทำร้ายเรา; เราทำร้ายคนอื่น คนอื่นก็จะทำร้ายเรา; เราทำร้ายสัตว์ สัตว์ก็จะทำร้ายเราเหมือนสิ่งที่ได้รับการสั่งสอนมาโดยตลอดว่า [ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว] ถึงสิ่งที่เราทำมันจะไม่แสดงผลในทันที แต่มันก็จะส่งผลกระทบต่อลูกหลานเรา เราให้อะไรกับโลกใบนี้ โลกก็จะตอบแทนเราด้วยสิ่งนั้น</div>
</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-66549758606380678192016-10-12T04:26:00.001-07:002017-09-14T21:23:22.350-07:00สตอรี่วิลล์ ดินแดนของหญิงบริการโสเภณีเมื่อ 100 ปีก่อน<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjIr5os6UKcTo4rF9tRDE23YtjGv99KF_eljXaO7wig5-KIy3s6n-j2Hg7eTgwVgipobuqrjjmI_VCq4GkBAfWVPhnSqE90LMFqy-XhpikafL9MrqTZeIglaNhTruZ-BlJzxYfSco73BQY/s1600/Provocative-07.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="311" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjIr5os6UKcTo4rF9tRDE23YtjGv99KF_eljXaO7wig5-KIy3s6n-j2Hg7eTgwVgipobuqrjjmI_VCq4GkBAfWVPhnSqE90LMFqy-XhpikafL9MrqTZeIglaNhTruZ-BlJzxYfSco73BQY/s400/Provocative-07.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
สตอรี่วิลล์ ดินแดนของหญิงบริการเมื่อ 100 ปีก่อน ว่ากันว่า อาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลกนั่นก็คือ “โสเภณี” นั่นเอง ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าเราจะเห็นภาพประวัติศาสตร์ของหญิงบริการมาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา </div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2yPWWIk1Gijc_o7f5Vgf-1hWChjD_6LGfe6jOL49qwTmR3RM46Ik4iKwWK7HHDbC4BeaLd0ZPWdeBiEcyuKa7Ncjqv-PPCBQweXmFink3BaT2s003_Y71DMso1rdnPclpGZZl_vQl12U/s1600/Provocative-04.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2yPWWIk1Gijc_o7f5Vgf-1hWChjD_6LGfe6jOL49qwTmR3RM46Ik4iKwWK7HHDbC4BeaLd0ZPWdeBiEcyuKa7Ncjqv-PPCBQweXmFink3BaT2s003_Y71DMso1rdnPclpGZZl_vQl12U/s400/Provocative-04.jpg" width="332" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ซึ่งเรื่องราวต่อไปนี้คือหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เล็กๆ ของพวกเธอ จะขอนำเสนอให้ทุกท่านได้ชมกัน</div>
<div dir="ltr">
ในช่วงปี ค.ศ. 1897-1917 สตอรีวิลล์ (Storyville) คือ ย่านที่กินพื้นที่ราว 16 บล็อก ที่อยู่ในเมืองนิวออร์ลีนส์ รัฐหลุยเซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งย่านสตอรีวิลล์แห่งนี้ แตกต่างจากย่านอื่นๆ ของนิวออร์ลีนส์ เพราะมันคือพื้นที่ๆ รัฐบาลจัดใช้จัดระเบียบโสเภณีให้รวมกันอยู่ที่นี่ พูดง่ายๆ ก็คือ มันเป็นดินแดนแห่งซ่องนั่นเอง</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjIvpN00fo-5BNtMPlCjLXr6wtQww314mg-x4a4bHJnrBTW09RqAimKpP7wZeUgelZBQNu-t1T3sQ19fildGzL4rZ5yZq7ic5wdqhwOrH3rS2Lt5QJtjIN00RH1QP9THnsHM-i5927rcNo/s1600/Provocative-08.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjIvpN00fo-5BNtMPlCjLXr6wtQww314mg-x4a4bHJnrBTW09RqAimKpP7wZeUgelZBQNu-t1T3sQ19fildGzL4rZ5yZq7ic5wdqhwOrH3rS2Lt5QJtjIN00RH1QP9THnsHM-i5927rcNo/s400/Provocative-08.jpg" width="311" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
อี.เจ. เบลล็อก ช่างภาพในสมัยนั้นเป็นผู้ที่เข้าไปเก็บภาพของหญิงบริการในสตอรีวิลล์ภาพถ่ายหญิงบริการของเขามีหลากหลายอารมณ์ </div>
<div dir="ltr">
ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายของพวกเธอในมุมที่ดูสง่างาม ภาพถ่ายในมุมสบายๆ ภาพถ่ายกิจกรรมยามว่าง รวมไปถึงภาพถ่ายเปลือยอีกด้วย (แน่นอนว่า ไม่สามารถลงให้ดูได้</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqWv_3tYm7oJNGDo5oiwBn7BfEab9gMUXGsZCWaVYM7HhUlKDNeyeExQ5Nwad04tBh71nC5bdRhqOxiz5tZ8RDNOXb5743412HYL2XFz3yVgvyrgYB7NXgULlVJwkOrpI4Nhyphenhyphen-dgTcpXQ/s1600/Provocative-11.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjqWv_3tYm7oJNGDo5oiwBn7BfEab9gMUXGsZCWaVYM7HhUlKDNeyeExQ5Nwad04tBh71nC5bdRhqOxiz5tZ8RDNOXb5743412HYL2XFz3yVgvyrgYB7NXgULlVJwkOrpI4Nhyphenhyphen-dgTcpXQ/s400/Provocative-11.jpg" width="314" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
การรวมรวมหญิงบริการให้จำกัดไว้ในย่านๆ เดียวถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านการตรวจสอบและควบคุม ให้อยู่ในกรอบอย่างเป็นระเบียบ</div>
<div dir="ltr">
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div dir="ltr">
ผู้ใช้บริการส่วนใหญ่มักเป็นเหล่าบรรดานาวิกโยธินกลัดมัน โดยพวกเขาสามารถซื้อหนังสือที่เรียกว่า “Blue Book” ที่มีรายชื่อหญิงบริการกว่า 700 คน เรียงลำดับตามตัวอักษร</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
นอกจากนั้น หนังสือยังบอกเชื้อชาติของพวกเธอ ที่อยู่ รายละเอียดบ้าน ราคา บริการที่จะได้รับ และของแถมที่แต่ละซ่องจะนำเสนออีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์สู่สวรรค์ก็ว่าได้</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGIH4CzFC3MpQyV46FhS42wCjFci2igt6nHwYeoBzs2qICNqceDJD-LuwJR_-kAcyxdWM4pXNCksRQJjghz7yqSpiUAxAfVXpSSYB_fxDYNVWzh5VbHqdZy40y0vgMzbZm7pzfaQn-d7A/s1600/Provocative-01.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGIH4CzFC3MpQyV46FhS42wCjFci2igt6nHwYeoBzs2qICNqceDJD-LuwJR_-kAcyxdWM4pXNCksRQJjghz7yqSpiUAxAfVXpSSYB_fxDYNVWzh5VbHqdZy40y0vgMzbZm7pzfaQn-d7A/s400/Provocative-01.jpg" width="313" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
กิจกรรมยามว่างของพวกเธอคือการนั่งเล่นโป๊กเกอร์ กันอย่างชิลๆสาวน้อยที่กำลังเล่นกำลังเล่นกับลูกสุนัขตัวน้อยของเธอ ดูเผินๆ พวกเธอก็ดูเหมือนหญิงสาวธรรมดาทั่วไป</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
หลังจากเปิดให้บริการมากว่า 20 ปี โจเซฟุส แดเนียลส์ รัฐมนตรีว่าการทบวงทหารเรือ ของกองทัพสหรัฐได้เรียกร้องให้ปิดสตอรีวิลล์ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันเป็นย่านแห่งความเสื่อม ที่ส่งผลเสียมากกว่าผลดี ถึงแม้ทางรัฐบาลนิวออร์ลีนส์จะคัดค้านหัวชนฝา แต่ก็ไม่เป็นผล</div>
<div dir="ltr">
แต่อย่าคิดว่าการสั่งปิดสตอรีวิลล์จะหยุดอาชีพหญิงบริการลงได้ เพราะหลังจากนั้น ซ่องใต้ดินก็ผุดขึ้นนมารอบๆ<br />
เมืองแทน</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjiZ8Eu_aNiOk2uCvTk8juuLX7X6NPdwBdQKC2rm8c7VncOvV7-ewNuLS9TIeSFz1CZZQ84r7vR-2nKdESN-SqwHAvEjv0uw0jnqZIbXHzJI786RR2kgFEP8fk_kiFD1oyTVpktNXSO40E/s1600/Provocative-10.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjiZ8Eu_aNiOk2uCvTk8juuLX7X6NPdwBdQKC2rm8c7VncOvV7-ewNuLS9TIeSFz1CZZQ84r7vR-2nKdESN-SqwHAvEjv0uw0jnqZIbXHzJI786RR2kgFEP8fk_kiFD1oyTVpktNXSO40E/s400/Provocative-10.jpg" width="317" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
อี.เจ.เบลล็อก เสียชีวิตลงในปี 1949 ส่วนภาพถ่ายของเขาถูกค้นพบในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ซึ่งเป็นเวลากว่า 50 ปี หลังจากสตอรีวิลล์ปิดตัวลง</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgg9NTqYJ9QJqREtw4vejdq-NPA74ZARuGHUJ3nrRm45qgKfdD3LZsvGPIMzEh3UE9w7qG99MGflGeuSLMYZOz8o466CRw5P2JrPnKKjfMmHzbYfG0WwYodUDBrxheBfsXheoCxg2JB50/s1600/Provocative-09.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhgg9NTqYJ9QJqREtw4vejdq-NPA74ZARuGHUJ3nrRm45qgKfdD3LZsvGPIMzEh3UE9w7qG99MGflGeuSLMYZOz8o466CRw5P2JrPnKKjfMmHzbYfG0WwYodUDBrxheBfsXheoCxg2JB50/s400/Provocative-09.jpg" width="313" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ภาพของเขาถูกนำไปจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะสมัยใหม่ในนิวยอร์กในปี 1970 และเบลล็อก ก็กลายเป็นช่างภาพเพียงคนเดียว ที่มีภาพหลักฐานของหญิงบริการในสตอรีวิลล์นี้ จนเขากลายเป็นหนึ่งในช่างภาพที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img border="0" height="309" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvlMuwpGN_S3n3LQXnQ3Syf4sbdBr1lrl8zSZJ9tmZuGU2S8scNXGkWcsjFK7ldJizSMxKl0VLVtB1ZDCIYSWqx0AQXEiI22LxppvDOyqUj8Vo89Qcq82QW0yogkzSnMVVxVSS8xbE4LY/s400/Provocative-13.jpg" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvlMuwpGN_S3n3LQXnQ3Syf4sbdBr1lrl8zSZJ9tmZuGU2S8scNXGkWcsjFK7ldJizSMxKl0VLVtB1ZDCIYSWqx0AQXEiI22LxppvDOyqUj8Vo89Qcq82QW0yogkzSnMVVxVSS8xbE4LY/s1600/Provocative-13.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"> </a></div>
</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-48654060764097296222016-08-29T15:45:00.001-07:002020-01-06T00:00:21.452-08:00Jonah Falcon ชายผู้มีกระจู๋ใหญ่ยาวที่สุดในโลก<div dir="ltr" style="text-align: left;" trbidi="on">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRg4dD-fG28QgXrFtdWPXfaHX2oBBwoHLbWSMMehL2ze62iyF9K2-3v9a3Ms3QJCsgbIoCIW6R-EiNJdk-hw2cubrCgN-WIhkbgmU3MjV0WueXlRzEsGQqMSJXfZAVCxKjg2qVrHNeWfY/s1600/Jonah-Falcon.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; margin-bottom: 1em; margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRg4dD-fG28QgXrFtdWPXfaHX2oBBwoHLbWSMMehL2ze62iyF9K2-3v9a3Ms3QJCsgbIoCIW6R-EiNJdk-hw2cubrCgN-WIhkbgmU3MjV0WueXlRzEsGQqMSJXfZAVCxKjg2qVrHNeWfY/s400/Jonah-Falcon.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
Jonah Falcon 13.5 นิ้ว ชายผู้มีไอจ้อนใหญ่ยาวที่สุดในโลก</div>
<div dir="ltr">
หนุ่มคนนี้มีชื่อว่า Jonah Falcon<br />
เขาเกิดเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 1970 </div>
<div dir="ltr">
ที่เมือง Brooklyn ในมหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา</div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
เมื่อปี 1999 เรื่องของเขาถูกนำมาสร้างเป็นสารคดีเปิดเผยชีวิต </div>
<div dir="ltr">
เรื่อง Private Dicks : Men Exposed ชายผู้ที่มีไอจ้อนใหญ่ยาวที่สุดในโลก </div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
และยังถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร<br />
Rolling Stone อีกด้วย<br />
โดยอวัยวะเพศของเขานั้นมีขนาดยาวที่สุดเมื่อแข็งตัวโด่เด่<br />
ถึง 13.5 นิ้ว (34 ซม.) และในขณะอ่อนตัวหัวห้อยหัวตกก็มีขนาดที่ 9.5 นิ้ว </div>
<div dir="ltr">
(24 ซม.) ฮันแน่ทำเอาสาวๆอึ้งในความใหญ่ยาวไปตามๆกันเลยละซิ! </div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgn_bhQqS1APOp62anAZwaPCI7BjkQwA0_LbTZ8aiOnOl84cXyY-TJ4sYIAixd3BQSH32XvySKt2CBcr4bnVzV06l0AQOFl8nya55wEWeJBwC_V4dXNGMT5YkgY2XEMliYIZU_gxBe6hYc/s1600/Jonah-Falcon-4.jpeg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgn_bhQqS1APOp62anAZwaPCI7BjkQwA0_LbTZ8aiOnOl84cXyY-TJ4sYIAixd3BQSH32XvySKt2CBcr4bnVzV06l0AQOFl8nya55wEWeJBwC_V4dXNGMT5YkgY2XEMliYIZU_gxBe6hYc/s400/Jonah-Falcon-4.jpeg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
ถึงแม้จะไม่มีการจดบันทึกใน Guinness World Records อย่างเป็นทางการ ก็ยังไม่มีชายหนุ่มคนไหนออกมาควักไอจ้อนวัดไซส์ว่าใหญ่กว่า<br />
Jonah Falcon เลย<br />
<br /></div>
<div dir="ltr">
ยังมีเรื่องฮาตามมาอีก เมื่อครั้งหนึ่ง Jonah Falcon เขาเคยถูกกักตัวที่สนามบินแห่งหนึ่ง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้สงสัยว่าเขาพกอาวุธไว้ในกางเกงหรือเปล่า เพราะดูเป้ากางเกงตุงใหญ่ผิดปกติ </div>
<div dir="ltr">
<br /></div>
<div dir="ltr">
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
เมื่อทำการตรวจค้นก็ไม่พบอะไรนอกเจ้าไอจ้อนไซส์บิ๊กเบิ้มของเขา ทำเอาเจ้าหน้าที่หน้าแตกไปตามๆกัน และเจ้าหน้าที่ก็ได้ออกมาขอโทษ Jonah Falcon เนื่องจากเข้าใจผิดและ<br />
ทำให้ Jonah Falcon เสียเวลา</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGCiHAQWwatUUfltq5uONM-d_fbp0YUrL7avrgndEggMZIu_In7waSSaCEaqLiEuBaJhskDkmWz-POP5WAdT9ID7xiSZiTzJjBbst-ybD5wa7QATUaTk6Jc_o2b0gn_GQazeMTN6TZIQs/s1600/Jonah-Falcon-2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiGCiHAQWwatUUfltq5uONM-d_fbp0YUrL7avrgndEggMZIu_In7waSSaCEaqLiEuBaJhskDkmWz-POP5WAdT9ID7xiSZiTzJjBbst-ybD5wa7QATUaTk6Jc_o2b0gn_GQazeMTN6TZIQs/s400/Jonah-Falcon-2.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div dir="ltr">
นี่คือบทสนทนาระหว่างเขาและ<br />
เจ้าหน้าที่</div>
<div dir="ltr">
“เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถามผมว่ามี อะไรซ่อนอยู่ในกางเกง" </div>
<div dir="ltr">
"ผมก็ตอบไปว่า นั่นมันไอ้หนูกระจู๋ของผมเอง"</div>
<div dir="ltr">
"หลัง จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ใช้มือตบเบาๆรอบเป้าผม แถมยังโรยผงแป้งสีขาวเพื่อตรวจหาสารระเบิด รวมทั้งยังพาไปเอ็กซ์เรยร่างกายด้วย” </div>
<div dir="ltr">
สุดท้ายเมื่อเจ้าหน้าที่พิสูจน์ พบว่ามัน กระจู๋ของJonah Falconเอง<br />
<br /></div>
<div dir="ltr">
ใหญ่ยาวผิดมนุษย์ ทำเอาเจ้าหน้าที่สาวๆเมื่อได้ทราบเรื่องกระจู๋ยาววิ่งกรูมาขอถ่ายรูปกับนาย Jonah Falcon กระจู๋ยาวที่สุดในโลกอย่างวุ่นวาย</div>
<div dir="ltr">
อ่านแล้วคงจะจั๊กกะจี้ไปตามๆกันเลยนะครับแหม่…</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<br /><iframe width="320" height="266" class="YOUTUBE-iframe-video" data-thumbnail-src="https://i.ytimg.com/vi/0gMeTcNqqxc/0.jpg" src="https://www.youtube.com/embed/0gMeTcNqqxc?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRg4dD-fG28QgXrFtdWPXfaHX2oBBwoHLbWSMMehL2ze62iyF9K2-3v9a3Ms3QJCsgbIoCIW6R-EiNJdk-hw2cubrCgN-WIhkbgmU3MjV0WueXlRzEsGQqMSJXfZAVCxKjg2qVrHNeWfY/s1600/Jonah-Falcon.jpg" imageanchor="1" style="clear: right; float: right; margin-bottom: 1em; margin-left: 1em;"><br /></a></div>
</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-58779535303024493082012-11-14T04:42:00.001-08:002016-10-13T21:06:29.050-07:00เรียนรู้เรื่อง ความรักจาก ยุง<div align="center">
<span style="color: black; font-size: small;"></span></div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUElhDge-0ByefdKISlspPMhVtPoFRqE9pkjWOA0LIqLGu_OX6G9gIlXJnR3dEgV9Hl-obcAjoTNNrajGlzcX1KYX4W-a7Z5wtJDS3TrNXvBxuGcckV1pbOrBmXM0jWBqkBOkgWNU8ms8/s1600/ki8kjz8ir.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="286" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUElhDge-0ByefdKISlspPMhVtPoFRqE9pkjWOA0LIqLGu_OX6G9gIlXJnR3dEgV9Hl-obcAjoTNNrajGlzcX1KYX4W-a7Z5wtJDS3TrNXvBxuGcckV1pbOrBmXM0jWBqkBOkgWNU8ms8/s400/ki8kjz8ir.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>ยุงหิวโหย.. อาหาร</b> จึงออกหาเลือดอุ่น ๆ รองท้อง<br />
<b>คนหิวโหย.. ความรัก</b> จึงออกตามหารักอุ่น ๆ รองใจศิลปะการดื่มเลือดของยุงคือ ค่อย ๆ ย่อง อุ๊ย!! บินซิเนอะ บินเข้าไปในมุมมืด<br />
บรรจงแทงปากทะลุทลวงผ่านผิว เข้าไปดูดเลือดอุ่น ๆ ของคุณ โดยคุณไม่รู้ตัว<br />
<br />
ศิลปะความรัก คือบรรจงแทรกแซง ชอนไช ทะลุทลวงความรู้สึกเข้าไปฝังลึกอยู่ในหัวใจ ของคุณอย่างช้า ๆ อบอุ่นในหัวใจ<br />
<br />
โดยคุณไม่รู้ตัวกว่าคุณจะรู้ตัว ยุงก็อิ่มแปร้ บินกลับบ้าน....<br />
<br />
กว่าคุณจะรู้ตัว รักก็มากมายเกินห้ามใจยุงตัวไหน ปากหนัก กัดเจ็บ บินไม่เร็วพอ บินไม่รู้จังหวะ<br />
บินผิดมุมให้คนเห็นหรือรู้ตัวก่อน ถึงฆาตมาแล้ว กว่า 90 %น้อยนักที่จะรอดฟันฝ่ามือพิฆาตและไบกอนเขียวไปได้คนคนไหน ไม่เคยรัก ไม่รู้จักรัก จีบไม่เป็น<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
ไม่มีโอกาส ไม่รู้กาละเทศะและเหตุผลอีกมากมาย นานับประการที่จะหยิบมาเอ่ยอ้างถึงความไม่สันทัดจัดเจนเรื่องรัก ก็น้อยนักที่จะรอดพ้น อาการแห้วไปได้พอยุงกินอิ่มหนำก็บินจากไปและพร้อมจะกลับมาใหม่เมื่อ<br />
โหยหิว<br />
<br />
ก็เหมือนรักของคนเจ้าชู้อิ่มหนำแล้วก็ผ่านไป<br />
แต่จะกลับมาใหม่เมื่อโหยหาถึงจะถูกตบ ถูกฉีดยา ถ้าไม่ตายเสียก่อนพร้อมจะกลับมาใหม่เมื่อหิวอีกครา<br />
ไม่เข็ดแฮะก็เหมือนคน เจ็บช้ำสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ถึงตาย<br />
หัวใจก็ยังโหยหารักอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันถึงจะกางมุ้ง จุดยากันยุง หรือติดมุ้งลวดยุงก็ยังคงเข้ามาได้อยู่ดีแหละความรักก็เหมือนกัน ห้ามใจเท่าไหร่ หลีกหนียังไง<br />
รักก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ดี....lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-83787147520208674362012-08-28T02:32:00.002-07:002016-12-27T21:11:52.502-08:00เคล็ดลับง่ายๆที่จะเป็น “ผู้หญิง” น่ารัก<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKkQEWvsz7UFdj_KYNY2d8S4BEvkdFbOkCtUK6HjLMgrqgTaqO8SwUNmn604vhVFUabbNXVjPtKoZcfMJTUCSbQ-KfV1nHvlnpM1uy12xoLYiAiMu0LwAUDWU0eXosCX09AY4f5ZvX1bE/s1600/images%25283%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="200" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKkQEWvsz7UFdj_KYNY2d8S4BEvkdFbOkCtUK6HjLMgrqgTaqO8SwUNmn604vhVFUabbNXVjPtKoZcfMJTUCSbQ-KfV1nHvlnpM1uy12xoLYiAiMu0LwAUDWU0eXosCX09AY4f5ZvX1bE/s400/images%25283%2529.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>เคล็ดลับง่ายๆ อย่างนี้</b> ไม่ยากเกินกำลังของคุณสาวๆ เลยใช่ไหม เท่านี้คุณก็จะกลายเป็นผู้หญิงที่น่ารักมีเสน่ห์กว่าเดิมอีกหลายเท่าเชียวล่ะสาวๆ หลายคนอยากจะเป็นผู้หญิงที่ดูดี น่ารัก สดใส ไม่ยากอย่างที่คิด แค่คุณสาวๆ นั้นทำตามเคล็ดลับที่ นำมาฝากในวันนี้นะครับ</div>
<div style="text-align: left;">
</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>1.ช่างมัน ฉันไม่แคร์</b> ใช่ว่าจะไม่แคร์ไปเสียทุกเรื่อง แต่ต้องการให้คุณเลิกแคร์กับเรื่องไม่เป็นรื่องต่างหาก สมมติว่าคนขับแท๊กซี่โกงเงินทอนคุณไป 3 บาท จนสามวันผ่านไปคุณก็ยังจำหน้าคนขับแท๊กซี่คนนั้นได้ อย่างนี้ผู้หญิงน่ารักไม่พึงปฎิบัติอย่างยิ่งคับ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะมองข้ามได้ก็ปล่อยไปเถอะ อย่ามัววิตกให้อารมณ์มัวหมอง ทำลายความสดใสบนใบหน้าเสียเปล่าๆ เลย</div>
<div style="text-align: left;">
</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>2.นิ่งเสียตำลึงทอง</b>ถ้าคนรอบตัวคุณกำลังโวยวาย หงุดหงิด หรืออะไรก็ตามที่ไม่เกี่ยวกับคุณเลย ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่ผู้หญิงน่ารักๆ จะต้องแสดงน้ำใจไมตรีโดยการกระโดดเข้าไปร่วมวงวิพากษ์วิจารณ์หรือแสดงอารมณ์ร่วมไปกับเขา สู้เป็นฝ่ายอยู่นิ่งๆ รับฟังจะดีกว่า เพราะนอกจากไม่ต้องทำร้ายสุขภาพจิตของตัวเองแล้วการรับฟังอย่างเงียบอาจเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีและเป็นสิ่งที่คนรอบข้างของคุณต้องการมากที่สุดก็ได้</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b>3.นินทากาเลเหมือนเทน้ำ</b>ยิ่งเทก็ยิ่งมัน น้ำยิ่งกระจัดกระจายเลอะไปหมด ดีไม่ดีจะเปรอะมาถึงตัวคนพูดด้วย การนินทาลับหลังเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่งของผู้หญิงน่ารักนะคะ เพราะขณะที่คุณกำลังนินทา คนร่วมวงรวมทั้งตัวคุณเองก็อาจจะไม่แน่ใจว่าสักวันหนึ่งจะตกเป็นเหยื่อของการนินทาบ้างหรือเปล่า แต่ผู้หญิงเรารวมกลุ่มกันทีไรเรื่องนี้มักจะห้ามยาก…ถ้าคุณคิดจะเลิกก็เริ่มต้นง่ายๆ ด้วยการเตือนสติตัวเองว่า “นี่ฉันกำลังจะนินทาแล้วนะ” และชวนเพื่อนเปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ทำอย่างนี้บ่อยๆ เข้าคุณก็จะเลิกได้ แล้วกลุ่มของคุณก็จะเลิกตามไปในที่สุดด้วยค่ะ</div>
<div style="text-align: left;">
</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>4.หยุดคิด เสียบ้าง</b>ไม่ใช่หยุดแล้วคิดนะคับ แต่ให้หยุดความคิดบางอย่างเสียบ้าง โดยเฉพาะความคิดแบบเปิดศึก ไม่ว่าจะสงครามกับตัวเองหรือคนรอบข้างทันทีที่เริ่มคิดให้ติดเบรกด่วนเลยค่ะ สมมติคุณกำลังคิดว่า ไม่มีใครทำความ</div>
<div style="text-align: left;">
สะอาดที่นี่เลยหรือไง ความคิดนี้ยังไม่อันตราย แต่ถ้าคุณเริ่มคิดต่อไปว่า ฉันเป็นคนเดียวที่ทำทุกอย่างที่นี่ใช่มั้ย ฉันเบื่อเต็มทีแล้ว จนถึง ฉันเกลียดที่นี่ ฉันเกลียดทุกคน นี่แหละค่ะความคิดที่จะทำลายทั้งอารมณ์ จิตใจ และความน่ารักของคุณ</div>
<div style="text-align: left;">
</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>5.เบื่อคนบ่น</b>นับว่าเป็นโชคดีถ้าคุณรู้ตัวว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบการบ่น แต่…บางคนก็มักจะพูดว่า ทำไมคนโน้นคนนี้ขี้บ่น เมื่อไหร่จะหยุดเสียที น่าเบื่อจริงเชียว รู้ตัวไหมล่ะว่า ถ้าคุณยังไม่เลิกบ่นต่อเรื่องที่คนอื่นบ่น คุณก็จะกลายเป็นคนขี้บ่นที่น่าเบื่อเหมือนกับพวกเขานั่นแหละ</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b>ต่อไปนี้เป็นเรื่อง6 วิธี มัดใจชายคนรัก..ชนะคู่แข่ง </b></div>
<div style="text-align: left;">
จะว่าไปแล้วคนเราถึงจะเป็นแฟนกันแล้วก็ใช่ว่าจะเปลี่ยนใจกันไม่ได้ เพราะฉะนั้น คงต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานั่นคือ ต้องเตรียมรับศึกที่จะเกิดขึ้น ทั้งคูาแข่งของคุณที่กำลังจะมาแย่งสุดที่รักไป และการมัดใจสุดที่รักให้อยุ่กับเราได้นานที่สุดลองมาดูกันว่า จะมีวิธีไหนบ้าง ก็แล้วแต่คน ว่าจะใช้ สักกี่เล่มเวียน</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b>1.ทำตัวเองให้ดูดี</b> สถานการณ์ไม่ค่อยสดใสอยู่แล้ว อย่าทำอะไรเลวร้ายกว่า เช่น การปล่อยตัวเองให้ดู</div>
<div style="text-align: left;">
โทรมถึงขั้นเป็นยายเพิ้ง หรือการออกลิง ออกค่าง ฟาดงวงฟาดงาประกาศศึกกับคู่แข่งของคุณอย่างไม่มีฟอร์ม สิ่งแรกที่ควรทำคือ ต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่าเก่า ลองดูว่าพักนี้อ้วนไปหรือ เปล่า หรือทำผมเข้าท่าไหม หน้าตาจีดชืดชนิดหารสหวานไม่ได้ใช่ไหม จากนั้นก็ปรับตัวเองให้เช้งวับ ไอ้ประเภทปล่อยเนื้อปล่อยตัวประชดรัก หรือถ่ายรูปนู๊ดประชด พวกนี้อย่าทำ ทำลายตัวเองแถมแสดงออกถึงการมี ก้อนสมองน้อยอีกต่างหาก</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b>2.เสมอต้นเสมอปลาย</b>เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เคยพูดเล่นสนุก ก็พยายามรักษาระดับไว้ไม่ให้ผิดเพี้ยน อย่าออกอาการหงุดหงิดไม่เข้าท่า หรือตีตัวออกห่างเรียกร้องความสนใจ อย่านั้นมีโอกาสออกห่างกันตลอด ชีวิตแน่</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b>3.อย่าทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ</b>ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงมา แสดงอาการเป็นเจ้าชีวิตของตัวเองหรอก เมื่อเธอมีคู่แข่ง เธอควรเพิ่ม ความใส่ใจ ความห่วงใย แต่ไม่ใช่ความหึงหวง ไอ้ประเภทคอยเดินตาม เพื่อจับผิด แสดงอาการว่านี้แฟนฉัน หญิงหน้าไหนอย่ามาแตะนี้ ขอเถอะ นอกจากจะไร้ซึ่งฟอร์มยังเป็นการสร้างความรำคาญใจปนอึดอัดเสียมาก กว่า</div>
<div style="text-align: left;">
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div style="text-align: left;">
<b>4.ให้โอกาสตัดสินใจ</b>บอกตัวเองเสมอ ว่า เธอไม่ใช่บิดา มารดาผู้ให้ กำเนิดเค้า และที่สำคัญคือ เธอไม่ได้หาเลี้ยงหรือเป็นผู้มีบุญคุณกับเค้า ถึงขนาดที่ต้องรับรักเธอเป็นการตอบแทน เพราะฉะนั้น เขาจะเลือกสาวใดก็ไม่ใช่เรื่องผิด และเธอไม่มีสิทธิไปทักท้วง เธอควรจะบอกว่าให้ตัดสินใจตามสบายให้เลือกในสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด ทำอย่างนี้ทำให้เค้าไม่รู้สึกถูก กดดัน แถมยังได้คะแนนเพิ่มอย่างที่เค้าไม่รู้เนื้อรู้ตัว</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b>5.ไม่มุ่งร้ายคู่แข่ง</b>ไอ้ประเภทเป็นนางอิจฉาอย่างในละครนั่น ประเภท ต้องตัดสายเบรค หรือต้องหาพวกมาตบให้สำนึกนั้น ร้อยทั้ง ร้อยจะเห็นว่าไม่ได้ดี เธอควรทำตัวเป็นแม่พระ หากคู่แข่งเดือดร้อน เธอรีบเข้าไปช่วย อย่างนี้ได้ใจของทั้งคู่แข่งและชายหนุ่มในดวงใจ</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
<div style="text-align: left;">
<b>6.รักแท้แพ้ความใกล้ชิด</b>อย่าพึ่งวิตกว่าเค้าจะเลือกใคร เธอต้องทำ เป็นไม่รู้แล้วเข้าไปใกล้ชิดมากกว่าที่เป็นอยู่ ช่วงนี้เป็นการวัดใจ ควรจะเปิดเผยความในใจของเราออกไป เผื่อว่าเค้าจะมีใจให้เธอบ้าง พยายามหาเวลาส่วนตัวของเธอกับเค้าให้มากขึ้น อาจเป็นกิจกรรมอะไร ที่ทำให้เกิดการผูกพัน และให้เค้ารู้สึกว่าสนิทกับเรามากกว่าเดิม </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>เรียบเรียงข้อมูลเพิ่มเติมโดยmanman</b></div>
</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-79090372036280955242010-09-18T07:01:00.000-07:002016-12-27T21:39:11.572-08:00ผู้หญิงสี่แบบ ที่อกหักตลอดกาล<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEii71mKqLxfPzLEtdbdoM-VlvtGu6c11fj-r47gfbn10szgMPKErSphTy2SiSf83ymagxsKpuacY6Nsogzg0WuZ3_O3F5DuTxtWruwtovkXzQMG5_9ITRKrvhaYL0v64sgLkmEJqJ9mGQ8/s1600/images%25282%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEii71mKqLxfPzLEtdbdoM-VlvtGu6c11fj-r47gfbn10szgMPKErSphTy2SiSf83ymagxsKpuacY6Nsogzg0WuZ3_O3F5DuTxtWruwtovkXzQMG5_9ITRKrvhaYL0v64sgLkmEJqJ9mGQ8/s400/images%25282%2529.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
บทความ เกร็ดความรู้ ความรัก วันนี้เป็นเรื่องที่คุณสาวๆ พลาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าคุณจะเป็น สาวสวย แค่ไหนก็ตาม หากเป็นผู้หญิง 1 ในสี่แบบนี้รับรองได้ว่า โสดถาวร อกหัก ตลอดกาลแน่นอน เอาล่ะ มาดูสิว่า สาวๆ แบบไหนที่ต้องนอนเดียวดายก่ายหน้าผากตามลำพังกันหนอ... เราไปอ่าน บทความ เกร็ดความรู้ ความรัก นี้กันเลย<br />
<div align="center">
<img alt="(ภาพประกอบ)" border="0" height="241" src="https://1.bp.blogspot.com/_wq7J7ZIT4pM/S-a-ZMTEhBI/AAAAAAAAAIs/OBJvZ18db3o/s1600/526508838.gif" style="height: 346px; width: 414px;" width="368" /></div>
<br />
ความรัก<br />
ข้อมูลจาก Forward mail<br />
ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต<br />
<br />
หากคุณเป็นผู้หญิงหนึ่งในสี่แบบนี้รับรองได้ว่า โสดถาวรแน่นอน มาดูสิว่า แบบไหนที่ต้องนอนเดียวดายก่ายหน้าผากตามลำพังกันหนอ<br />
คุณนายช่างฝัน<br />
<br />
ผู้หญิง บางคนรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เลวเกวตรงไหน อยู่ในระดับดีถึงดีมากด้วยซ้ำ แต่ต้องมานั่งเฉาเหงาเศร้าอยู่คนเดียวก็เพราะหมายสูงนะสิ ตั้งเป้าไว้ว่าต้องได้ หนุ่มหล่อ มาดดี ขี่รถเบนซ์ เป็นถึงผู้บริหาร หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องมีพ่อแม่ ใหญ่โตคับฟ้ามรดกร้อยล้าน สามารถเลี้ยงดูเราได้ตลอดชีวิต ชนิดที่ไม่ต้องกระดิกกระเดี้ย ทำอะไรก็มีกินเหลือเฟือ<br />
<br />
ขอ โทษเถอะ ผู้ชายแบบจอห์นเอฟ.เคนเนดี้จูเนียร์มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แถมยังจากโลกนี้ไปแล้วเสียด้วย มีทางเดียวคือต้องตามไปเกิดใหม่เจ้าค่ะ ยังมีผู้หญิงอีกหลายรายที่คิดเข้าข้างตัวเองว่า บรรดาชายในฝันเหล่านั้น กำลังรอ ให้ผู้หญิงแบบเธอก้าวเข้าไปในชีวิต ทั้งที่ ผู้ชายระดับไฮโซหรือซุปเปอร์สตาร์พวกนั้นไม่เคยรู้จักมักจี่กับเธอ<br />
<br />
เรียก ว่าเส้นทางชีวิตไม่มีทางโคจรมาเจอกันได้ แต่คุณนายช่างฝันผู้เดียวดายก็ยังเตรียมตัวให้พร้อม เผื่อว่าสักวันฝันนั้นจะเป็นจริง ทุกคนมีหนุ่มในสเปคที่วาดภาพไว้ในใจทั้งนั้น แต่เรามีสติสตังแยกแยะออกว่า อะไรเป็นไปได้และอะไรเป็นไปไม่ได้ อันเป็นหนทางที่ไม่ทำให้พบจุดจบและบทลงท้ายในแบบสาวผู้เดียวดายตลอดกาล<br />
<br />
จาก ที่เคยคิดเอาไว้ว่า อยากได้แฟนหน้าเหมือน ทอม ครุซส์ ลองลดข้อแม้ลงหน่อยดีไหม เอาแค่มีจมูกหรือคิ้วเหมือน ทอม ครุซส์ ก็ยังดี รับประกันได้เลยว่า เราจะไม่พลาดโอกาสที่จะได้รู้จักคนน่ารักและแสนดีอีกมากมายบนโลกใบนี้ แม้ว่าคนเหล่านั้นอาจไม่ตรงตามสเปคที่เรามองหาก็เถอะ ผู้ชายบางคนอาจดูไม่เข้าสเปคของเราสักอย่าง แต่ถ้าลองคบหากันอาจถูกใจอย่างไม่น่าเชื่อ ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ให้ไปเดทกับผู้ชายคนแรกที่พบในซุปเปอร์มาร์เก็ต แค่อยากให้ลองพิจารณามนุษย์เดินดินที่เราสามารถเอื้อมถึงเท่านั้นเอง จะได้ไม่ต้องนั่งคอยชายในฝันอย่างเดียวดายอีกต่อไป<br />
<br />
*ทำตัวเป็นสะพาน<br />
<br />
บาง ครั้งอาการตามืดตามัวด้วยความหลงใหล ก็อาจทำให้เราไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกใช้เป็นสะพานเหยียบเดินข้ามไป หนำซ้ำบางคนยอมให้สนตะพาย ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าเหมือนเป็นโรคจิตอ่อนๆ ไม่เคยจดจำไว้เป็นบทเรียนสอนใจเลยสักครั้ง เรื่องปวดใจก็คือเวลาที่ต้องเสียไปกับชะตากรรมทำนองนี้ แต่ละวันเราได้พบเจอะเจอกับผู้คนมากมายที่อาจเป็นคู่ควงแสนวิเศษได้ แต่สมองเราไม่รับรู้ จึงพลาดการสานต่อความสัมพันธ์ให้งอกงาม เมื่อวันเวลาผ่านไป แทนที่จะได้ใช้ชีวิตครองคู่อยู่กับคนที่เรารักและเขารักเรา ก็ต้องลงท้ายนั่งเหงาอยู่คนเดียว เพราะมัวแต่เสียเวลาตาบอดกับคนที่หาประโยชน์จากเราเท่านั้น<br />
<br />
กรณี เช่นนี้มีให้เห็นบ่อยไป ผู้ชายบางคนเข้าหาผู้หญิงก็เพราะจะอาศัย หน้าที่การงานของผู้หญิงเป็นหนทางไต่เต้าหรือเอื้อประโยชน์เข้าตัว ครั้นหมดประโยชน์ก็ตีจากตัวผู้หญิงเอง กว่าจะไหวตัวทันก็ถูกทิ้งให้นั่งน้ำตาตก ส่วนใหญ่แรกๆ มักไม่ค่อยรู้ตัวเพราะความรักความหลงบดบังกลโกงเสียสิ้น<br />
<br />
วิธี แก้ไขมีอยู่ทางเดียวคือ ทบทวนความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวเสียใหม่ วิเคราะห์เจาะลึกถึงต้นสายปลายเหตุเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ ยอมรับให้ได้ว่าเราถูกเขาหลอกเข้าแล้ว เมื่อพบหนุ่มรายใหม่ถูกใจจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น อย่าได้รีบร้อนถลำลึก หรือทุ่มเทถล่ม อารมณ์ความรักโหมเข้าใส่เขาจนหมดเนื้อหมดตัว ยับยั้งชั่งใจค่อยๆ คบกันไป ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ธาตุแท้ของแต่ละฝ่ายจะดีกว่า<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
*ผลัดวันประกันพรุ่ง<br />
<br />
นี่ ไม่ใช่การบ้านหรือการทำรายงานส่งเจ้านายจะได้ผัดผ่อนไปเรื่อยเปื่อย ควรนึกเสมอว่า เวลาไม่คอยท่า ผู้ชายไม่คอยใคร ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไปเหมือนสายน้ำ มัวแต่...เดี๋ยวก่อน...เดี๋ยวก่อน เผลอๆ รถด่วนขบวนสุดท้าย วิ่งผ่านไปเข้าป้ายใครแล้วก็ไม่รู้ สาวบางรายชอบหาข้อแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้นอย่างเช่น ขอลดน้ำหนักให้ได้สัก สองสามกิโลก่อน ขอจัดบ้านใหม่ให้เรียบร้อย ขอหางานใหม่ก่อน ขอเรียนให้จบก่อนแล้วค่อยมีแฟน ฯลฯ<br />
<br />
ถ้า ไม่ซีเรียสเรื่องแฟนก็จงรอคอยต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่อยากครองตัวเป็น โสดไปจนตายควรเริ่มขวนขวายเสียแต่วันนี้ เริ่มด้วยการมองย้อนกลับไป ดูสิว่าเราเสีย เวลาไปมากน้อยแค่ไหน แล้วจะตกใจเมื่อพบว่านี่ไม่ใช่แค่เสียเวลาแต่ยังเสียโอกาสดีๆ ที่ลอยผ่านมาไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง และอาจเป็น คนที่ "ใช่" ก็ได้ แทนที่จะผัดผ่อนต่อไป ควรเปลี่ยนแปลงชีวิตเสียใหม่ ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก ทำตัวให้น่าเข้าใกล้ ไปปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง เล่นกีฬา หางานอดิเรกหรือกิจกรรมอื่นๆทำ เพื่อให้เจอคนหน้าใหม่ๆ และบอกบรรดาคนใกล้ชิดว่า เรากำลังต้องการคนรู้ใจ ไว้แนบข้างสักคน แหม ไม่ต้องเขินหรอกน่า.. ปูนนี้แล้วจะหวงเอาไว้ทำไม<br />
<br />
*เป็นโรครักแรกพบขึ้นสมอง<br />
<br />
อาการ รักแรกพบเป็นสาเหตุของโรคอกเดาะมานักต่อนัก ชีวิตมิใช่นิยาย หรือภาพยนตร์ที่ พระเอกนางเอกสบตากันปั๊บก็ไฟช๊อตดีกรีความรักพุ่งปรี๊ดทันที จากนั้นก็เกี่ยวก้อยตระกองกอดกันแนบแน่นท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติคสุดๆ ลงท้ายได้ครองคู่ อยู่ด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย หากยังดื้อดึงคิดว่า รักแรกพบคือเรื่องที่เป็นไปได้จงพิจารณาปัญหาดังต่อไปนี้<br />
<br />
ทุก วันเราอาจสบตากับคนเป็นร้อย แต่ยังหาที่ปิ๊งปั๊งไม่ได้สักที หรือถ้า หากบังเอิญสบตากับใครที่ป้ายรถเมล์ ต่างคนต้องแยกย้ายขึ้นรถ คนละคัน จากนั้นก็คงไม่พบกันอีกแล้วชาตินี้ มีคนอีกมากมายที่เชื่อในเรื่องรักแรกพบ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะความรักประเภทนี้ มักจบลงด้วยความโศกาจริงๆ<br />
<br />
ปัญหา อีกอย่างคือ ในขณะที่เรานั่งรอนอนรอรักแรกพบเราก็ได้ปิดโอกาส ไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ ซึ่งนั่นอาจเป็นรักแท้ของเราก็ได้ ความรัก ต้องอาศัย การฟูมฟักก่อตัวขึ้นตามกาลเวลา บางรายอาจเริ่มจากความเป็นเพื่อนแล้วพัฒนาเป็นความรัก หรือเราอาจมีรักแรกพบและปล่อยให้รักแรกพบเติบโตแข็งแรงขึ้นตามวันเวลาได้ เช่นกัน ปัญหาของโรคคลั่งรักแรกพบที่เจอบ่อยๆ คือ ปิ๊งเขาแต่เขาไม่ปิ๊งเรากลับ.. สุดเฮิร์ทเลยนะนั่น<br />
<br />
ป๊อป ปี้ี้เลิฟเหมาะสำหรับเด็กๆ เขามีกัน สำหรับผู้ใหญ่อย่างเราถ้าทำตัว งุ่นง่านวุ่นวายแบบเด็กๆ คงน่าเกลียดพิลึก การจู่โจมอาจทำให้ชายหนุ่มตกใจ เปิดหนีไปเลย ควรสงบจิตสงบใจ เข้าหาเขาอย่างมีมาดดีกว่านะ<br />
<br />
*เชื่อมั่นในตัวเองดีที่สุด<br />
<br />
ปัญหา สี่แบบที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความไม่มั่นใจในตัวเอง หากเราไม่เชื่อว่าตัวเองมีค่าพอสำหรับคนอื่น ก็คงยากที่จะให้ใครมารัก ทำทุกวิธีทางเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ยืดอก เชิดหน้า ก้าวออกจากบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข.. .สุขเสีย จนใครๆ ก็อยากเข้ามาร่วมแบ่งปันความสุขด้วยนั่นละ
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-77884187644383639442010-09-18T06:47:00.000-07:002016-12-27T21:42:25.487-08:00ทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบผู้ชายดีๆ ?<div align="center">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img alt="(ภาพประกอบ)" border="0" height="398" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjkrJ_UxxQFlraAnyUZ6PBipxsGkPKrWIfeGBHmhuSMtKsYpYgHRVCTiY26YMmZPnTX4J6VuxvBGY-gDz3-_d5N7nNLmHySgxxEi1fmp3bmmzeA2RhNlUep02FfJbLRpLDrWQSofbb1JH0/s400/cry-boy.jpg" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<b>ผู้ชายหลายคนมักจะตั้งคำ ถามแบบนี้เสมอๆ</b><b>ยิ่งเมื่อเห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบไปเลือกคบกับหนุ่มที่ท่าทางเจ้าชู้</b><br />
<b><br /></b>
<b>คำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่แปลกเมื่อได้ยินได้ฟังหรอก</b><br />
<br />
เป็นคำถามปกติธรรมดาที่แทบจะได้ยินทุกเมื่อเชื่อวัน ผู้ชายหลายคนมักจะตั้งคำถามแบบนี้เสมอๆ ยิ่งเมื่อเห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบไปเลือกคบกับหนุ่มที่ท่าทางเจ้าชู้<br />
และไม่น่าไว้วางใจสักนิดเดียว แทนที่จะเลือกคบกับตัวเขาถึงแม้ว่าผู้ชายทั้งหลายละทิ้งอคติที่มองว่าตัวเองดีกว่าชาวบ้านเสมอไปแล้วก็ตาม แต่คำถามนี้ก็ยังคงไม่หายไปจากโลกง่ายๆ<br />
เพราะว่าความเข้าใจในความ "ดี" ที่ผู้หญิงและผู้ชายมองนั้นแตกต่างกันไป<br />
<br />
ผู้ชายมักจะมองว่าผู้ชายที่ดี ที่ผู้หญิงควรจะเลือกคือผู้ชายที่เรียบร้อย ไม่เจ้าชู้ ไม่ยุ่งกับอบายมุขเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้หญิงพอใจที่จะเลือกเป็นคู่ครอง<br />
<br />
<b>ผู้ชายมองอะไรที่ตื้นเขินเกินไป</b><br />
ในความเป็นจริงแล้ว ผู้หญิงทุกคนจะให้คำจำกัดความของคำว่า"ดี" คือ ผู้ชายที่รัก<br />
เธอจริงและแสดงออกว่าเธอเป็นคนสำคัญ มีความเป็นผู้นำ รวมทั้งฉลาดพอที่จะต่อ<br />
กรกับเธอได้ จะเห็นได้ว่าคำว่า"ดี"ที่ผู้หญิงกับผู้ชายคิดนั้นแทบจะหาความเกี่ยวข้องกันไม่ได้เลย<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
<b>ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจ</b><br />
ที่ทำไม ผู้ชายหลายคนถึงไม่อาจยอมรับการตัดสินใจเลือกคบกับใครสักคนของผู้หญิงได้ เพราะว่าเธอเลือกผู้ชายที่ไม่ดีในสายตาเขา แต่เป็นผู้ชายที่ดีในสายตา<br />
ของเธอ ในอีกกรณีหนึ่งผู้ชายที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์แบบ เพียบพร้อมทุกประการก็เจอกับปัญหานี้เช่นกัน<br />
แต่ไม่ใช่เพราะว่าคำว่า"ดี"<br />
<br />
หากแต่เป็นเพราะความสมบูรณ์แบบของเขาต่างหาก ที่ทำให้ผู้หญิงไม่กล้าเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ครอง ผู้ชายที่เป็นคนดีเกินไปนั้น ทำให้ผู้หญิงอึดอัดทั้งกายและใจ ในการที่จะอยู่ด้วยมากกว่าผู้ชายที่ข้อบกพร่องบ้างเพราะว่าผู้หญิงก็รู้ตัวดีอยู่ว่าตัวเองนั้น ไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก ถ้าผู้ชายที่เธอคบด้วยเป็นคนสมบูรณ์แบบเกินไป ก็จะทำให้เธอขาดความมั่นใจและไม่สามารถแสดงตัวตนที่แท้จริง ที่มีข้อบกพร่องต่อหน้าเขาได้ เพราะว่าเขาสมบูรณ์แบบเสียจน เธอไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจ<br />
<br />
เรื่องบกพร่อง ในบางครั้งเขายังทำลายความมั่นใจในตัวผู้หญิงได้อย่างไม่รู้ตัวและสุดท้ายคือผู้หญิงกลัวที่จะสูญเสียเขาไปเมื่อเขารู้จักเธอมากพอ เมื่อรู้ว่าเธอไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่เขาอยากได้ ดังนั้นผู้หญิงเลยเลือกที่จะไม่สนใจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ต้นเสียดีกว่า<br />
<br />
<b>โดยเนื้อแท้แล้ว</b>ไม่มีใครอยากได้คู่ครองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเลวหรอก ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย เราทุกคน<br />
ต่างก็เสาะหาคนดีๆกันทั้งนั้น ดังนั้นสิ่งที่จะสามารถผูกมัดอีกฝ่ายหนึ่งไว้ได้คือ จงทำตัวเหมือนหนังสือที่มองภายนอกแล้วน่าสนใจ เปิดมาอ่านภายในแล้ววางไม่ลง แต่อ่านเท่าไรก็ไม่สามารถหาตอนจบได้พบ น่าจะเป็นส่วนช่วยในการสร้างความเข้าใจระหว่าง คุณและคนที่คุณรักได้เป็นอย่างดี<br />
<br />
P.s ขอขอบคุณบทความจาก มีสุขดอทคอมlifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-70097185642362826392010-09-18T06:38:00.000-07:002016-12-23T20:58:32.216-08:00ผู้หญิงไม่คว้า คนแบบไหน มาเป็นแฟน<div align="center">
</div>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQJOeFNO5vWpDO_O8kZXOx8o7AhMr3AE036By5m0vY5Mf2nB0fylrBuzmsRvXU2nrDGNxJZn8jdn1aL1Plr8SCCDBSKZkX8VihF-51h_GGkEzBJQ86evXFLoy2W8TaTG9ppF2NkdGlSaw/s1600/images%25281%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjQJOeFNO5vWpDO_O8kZXOx8o7AhMr3AE036By5m0vY5Mf2nB0fylrBuzmsRvXU2nrDGNxJZn8jdn1aL1Plr8SCCDBSKZkX8VihF-51h_GGkEzBJQ86evXFLoy2W8TaTG9ppF2NkdGlSaw/s400/images%25281%2529.jpg" width="266" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>วัน ๆ อิสตรีต้องพบ</b> "เพื่อนต่างเพศ" มากหน้าหลายตา ซึ่งแต่ละคนก็…เออ นะไม่รู้ จะพูดไงดี บางรายงี้รูปร่างหน้าตาภายนอกโคตรมหาโจรเลย แต่จิตใจกลับดีกว่าพวกใส่สูทผูกเนกไท ที่ชอบ "ล้มบนฟูก (ฟูกไหนไม่บอก, อาจล้มบนเสื่อก็ได้ฮ่ะฮ้า)" ซะอีก<br />
<br />
แล้วมีอีกนะที่ประเภทหน้าตา ใจบุ๊ญใจบุญ มาดงี้ดูน่าเชื่อถือ สุขุมคัมภีรภาพ นึกว่าเป็นคนดี แต่ที่ไหนได้เบื้องหลังโอ้โฮเฮะ ขี้หึง ขี้ฟ้อง ชอบซ้อมเมีย เอ๊ย.. แฟนสาวเป็นประจำ ด้านฝ่ายหญิงก็ทนอยู่กับมันได้ไงไม่รู้? แต่เดาว่าคงมีรสนิยมใกล้เคียงกัน ไม่งั้นจะอยู่ด้วยกันไหวเรอะ<br />
<br />
กระนั้น "เพื่อนชาย" ไม่ว่าคุณจะรู้ใจเค้า หรือไม่รู้ใจ บอกได้ว่าหนุ่ม ๆ ก็คล้ายฝ่ายหญิงแหละ คือยังเป็นมนุษย์ที่สามารถทำผิดได้และทำถูกได้ ขอเพียงสิ่งที่พวกเค้าผิดไปแล้ว หรือพลั้งมือไปนั่นน่ะอย่าเว่อร์จัดจนรับไม่ได้ก็แล้วกัน จะได้อยู่ร่วมโลกเดียวกันอย่างสันติหน่อย<br />
<br />
และนี่คือพฤติกรรมบางอย่างของ "ว่าที่แฟน" ซึ่งสาว ๆ สารภาพว่าไม่ชอบและไม่อยาก ได้มาเป็นแฟนเอาซะเลย ซึ่งถ้าเป็นไปได้ หากสาวรายนั้นไม่ได้อยู่ในช่วงอายุที่ต้องคว้า "รถไฟเที่ยวสุดท้าย" หรือ "เรือด่วนเที่ยวล่าสุด" ไว้ละก็ เมินซะเถอะย่ะ ที่เดี๊ยนจะเลือกคนเหล่านี้มาสร้างความสมานฉันท์กันทางใจ<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
<b>ส่วนมีลักษณะใดกันมั่ง มีงี้นะ…</b><br />
<br />
<b>พวกไม่มีน้ำใจ </b>แต่อยากให้คนอื่นมีน้ำใจกับตัวเอง<br />
แบบนี้เข้าข่ายเป็นคนเห็นแก่ตัวอ่ะ…ว่ามะ แล้วพูดก็พูด การที่คนเราจะเห็นน้ำจิตน้ำใจของกันและกันได้ ต้องใช้เวลาด้วยกันทั้งนั้นล่ะ ไม่ใช่รู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็หลงคารมไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ก็อย่างที่ท่านว่า ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์ "ความเป็นแฟน" ดีหรือไม่ดีก็ว่ากันไป ดังนั้น หากท่านใดยังไม่มีแฟน แต่อยากมีแฟนละก็ ขอแนะนำให้เริ่มจากการมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก่อนนะจ๊ะ ไม่ใช่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง งั้นก็อยู่กับตัวเองต่อไปเหอะ เออแต่ไม่แน่นะ ถึงเป็นงี้ (ยึดตัวเองเป็นใหญ่) อาจทำให้ สาวบางรายเอ็นจอยก็ได้ ก๊าก ๆ ๆ<br />
<br />
<b>พวกนัดกันทีไร มักมาสายเป็นประจำ</b><br />
ถ้านัดกันแล้ว หากเค้ามาเป็นสายบางครั้งบางครา คงไม่ต้องวอรี่ (กลุ้มใจ) กับการมาสายของเค้าหรอก เพราะเรื่องแค่นี้จิ๊บจ๊อย เกินกว่าที่คุณจะตัดเค้าออกไปจากการชักชวนมาเป็นคนรู้ใจน่ะซิ แต่ช่วงคบกันแรก ๆ และถ้าเผื่อเค้าดันสนใจคุณด้วยนะ เชื่อขนมกินได้ว่า หากนัดมาดูตัว…เอ๊ย คุยกันอย่างหนิทหนมละก็ ไม่มีใครอยากมาสายหรอก มีแต่อยากมาก่อนเวลาซะด้วยซ้ำ ไม่รู้ซะแล้วว่าความเลิฟทำให้คนเรา หน้ามืด ตามัว และเอาแต่ใจตัวเอง…ได้แค่ไหน? อู้ย อารมณ์ยามนี้น่ะ ยิ่งกว่า ความเร็วสูงสุดของรถไฟหัวกระสุน ที่เมืองนอกใช้ ๆ กันซะอีกนะ<br />
<br />
<b>ใจกว้าง บ้างรึเปล่า?</b><br />
อย่างน้อยควรยอมให้คบเพื่อนของคุณหรือของเขาได้นะ ไม่ใช่พอทั้ง 2 ฝ่ายเป็นแฟนกัน (ตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่รู้) ก็จัดแจงสร้างกรงไว้ในบ้านเลยวุ้ย! ดูคล้ายเค้าพยายามสร้างบ้านให้สัตว์เลี้ยงสักตัวนึงยังไงยังงั้น เพราะเกรงว่าคุณจะปันใจไปจากเค้าหรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามทีเหอะ…น่ะสิ ฉะนั้น หากเป็นไปได้อยากแนะให้ทั้ง 2 สร้างความมั่นใจในอาการรักเดียวใจเดียวให้เห็นกันบ่อย ๆ เพราะไม่ว่ามนุษย์เพศไหนมีสิทธิ์ ใจสะออน ไปชอบคนอื่นได้ ทั้งที่ตัวเองมีแฟนแล้วเยอะเลย บางรายงี้ โอ้โห ถ้าไม่รู้ลึกรู้จริง หรือรู้จักกันหมดไส้หมดพุงล่ะก็ แทบไม่เชื่อละกันว่า มีแฟนมาแล้วเป็นโหล หรือเป็นร้อย ๆ แล้วก็ได้ เฮ่อ! สรุป…เอ่อ คุณเป็นแฟนคนที่เท่าไหร่ของเค้าเนี่ยะ?<br />
<br />
<b>พวกชอบเปลือยกายเวลาอยู่บ้าน</b><br />
แบบถ้าเค้าอยู่บ้าน ก็รู้สึกอิสระเสรีสวีวี่วี จึงชอบเป็นชีเปลือย เดินไปเดินมาท้าแดดท้าลม และไม่ขยาดต่อสายตาของชาวบ้านชาวช่อง ซึ่งฮ่ะ ฮ่ะ หากเค้าเป็นแบบนี้คนเดียวก็ช่างเค้าประไร แต่ถ้ายังมาชวนให้คุณเป็นแบบเดียวกับเค้าด้วยอีกคน อุ๊ยว้าย! หากคุณทำใจได้ก็แล้วไป แต่หากตะขิดตะขวงใจ เพราะยังมีความอายในสายเลือดอยู่มั่ง อ้าว! ไม่ได้ชวนกันไป อาบแดดเมืองนอกนี่หว่า จะได้เปลือยซะให้สะใจ ไม่ต้องบอกหรอกนะว่าจุดจบของคู่นี้จะลงเอยยังไง แต่บางคู่อยู่ด้วยกันไปสักพัก อาจชินตากันไปเองก็ได้<br />
<br />
<b>พวกชอบตัดสินคนอื่นเพียงหน้าตา</b> เช่น ดี/ไม่ดี, สวย/ไม่สวย, หล่อ/ไม่หล่อ<br />
ผู้ที่จัดอยู่ในข้อนี้ เป็นประเภทตั้งสเปกของตัวเองไว้เลยว่า "ถ้าชั้นขืนมีแฟนเป็นคนหน้าตาโหลยโท่ยหรือหน้าตางั้น ๆ ไปจนกระทั่งหน้าตาไม่ค่อยดีเท่าไหร่…ก็อย่ามีแฟนซะดีกว่า" เพราะคนที่จะเป็นแฟนได้น่ะ ควรหน้าตา "เป็นต่อ" ชาวบ้านเยอะ ๆ เวลาควงกันแล้วมันโก้ดี เวลาไปไหนมาไหนด้วยก็จะมีคนมองจนเหลียวหลัง…โถ อยากเป็นจุดสนใจของชาวบ้านก็ไม่บอก งั้นเชิญงมเข็มในมหาสมุทรหาไปเหอะ ขออวยพรให้โชคดีเพี้ยง ๆ ๆ<br />
<br />
<b>พวกแกล้งรัก แล้วยังหวังเฉดส่งคุณไปซะเร็ว ๆ</b><br />
เช่น คนที่มาทำเป็นจีบไปงั้น ถ้าจีบติดก็เอา หากจีบไม่ติดก็เจ๊า ไม่ได้มีใจรักใคร่ชอบพออย่างจริงจังอะไรหรอก แล้วคิดดูดิว่าลักษณะของคนทำนองนี้จะเข้าตา สาวที่ยึดมั่นในความเลิฟเป็นอันดับต้น ๆ ของชีวิตหล่อนได้เรอะ เพราะบางครั้งให้เลิกกันไปซะเร็ว ๆ แล้วเปลี่ยนไปมีแฟนใหม่ก็สนุกดี แต่บทจะเซ็ง ก็ไม่อยากเล่นเกมนี้ด้วยหรอกย่ะlifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-64700625459849231752010-09-18T06:26:00.000-07:002016-12-27T21:22:00.408-08:00ทำไมผู้ชาย และ ทำไมผู้หญิง<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqLq7n5cAlapDHm78OAAr-wo8mu4pTmU1zFsnD7oGqPJbX09AP5bHCN8gnlRz68U_hGOfpG0sfWVy9mrxizTkusLZcB_rTKPdzpMwvbydFntU45J00loURhjkFi02m9VzwdAOKgNDA2uE/s1600/images%25284%2529.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="224" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgqLq7n5cAlapDHm78OAAr-wo8mu4pTmU1zFsnD7oGqPJbX09AP5bHCN8gnlRz68U_hGOfpG0sfWVy9mrxizTkusLZcB_rTKPdzpMwvbydFntU45J00loURhjkFi02m9VzwdAOKgNDA2uE/s400/images%25284%2529.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>ได้มีโอกาสไปอ่านบทความๆ</b> หนึ่งจากเวปไซท์ ผู้จัดการ เกี่ยวกับ ความแตกต่างระหว่าง 2 เพศ ก็เลยคัดลอก และดัดแปลงมาบางส่วน ก็ลองอ่านกันน่ะครับ พออ่านจบแล้วก็อย่าไปโมโหกับการที่อีกเพศตรงข้าม ว่าทำไมไม่ยอมทำในสิ่งที่เราต้องการให้ทำงาน วิจัยใหม่ของเอเดรียน เฟิร์นแฮม ศาสตราจารย์จิตวิทยาจากยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ออฟ ลอนดอน มีคำอธิบายเรื่องนี้ว่า แม้ผู้หญิงและผู้ชายฉลาดพอกัน (แต่ผู้ชายชอบคิดว่าตัวเองฉลาดกว่า..55..) แต่สิ่งที่ต่างกันมากที่สุดคือวิธีคิดทำไมผู้ชายคุยไปดูทีวีไปไม่ได้</div>
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<table cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img alt="(ภาพประกอบ)" border="0" height="241" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjxrq5uMAVIsBrpITRXoJ-nQcZdVBPMcS_FroyVaAw8lvn6WqVUPlwDEoRhVlCQyTl9-ka3Fnr0jPXIWzYWZKv9iTRJOuR2PQHVv1zn6YDCHfNj1l9FQAuAI-TkqtlwnA2i_wWab5F0zWw/s1600/love2.jpg" style="height: 346px; margin-left: auto; margin-right: auto; width: 414px;" width="368" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<div style="text-align: justify;">
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>ผู้หญิงถนัดนักเรื่องการทำหลายๆ อย่างพร้อมกัน</b> </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
อาทิ เขียนรายการของที่จะซื้อพร้อมกับทำกับข้าวและบอกสามีให้ดูลูกทำการบ้าน การสแกนสมองบ่งบอกว่า สมองผู้หญิงไม่เคยว่างเปล่าแม้ยามหลับ </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ในทางตรงข้าม ผู้ชายมักพบว่าเวลาถูกขอให้โทรศัพท์ระหว่างดูทีวีเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า สมองซีกซ้ายและขวาของคนเราเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันด้วยกลุ่มเส้น ประสาทที่เรียกว่า corpus callosum </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
โรเจอร์ กอร์สกี้ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียในแอลเอ ยืนยันว่าสมองของผู้หญิงมี corpus callosum หนากว่าผู้ชาย 10% และมีการเชื่อมต่อระหว่างสมองสองซีกมากกว่าผู้ชาย 30% ทั้งยังพิสูจน์ได้ว่า หญิง-ชายใช้สมองคนละส่วนกันเวลาทำงานอย่างเดียวกัน </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
สมองของผู้ชายพัฒนาขึ้นมาเพื่อให้มุ่งเน้นกับงานเพียงงานเดียว ขณะที่ฮอร์โมนเอสโตรเจนของเพศหญิงกระตุ้นเซลล์สมองให้ทำการเชื่อมต่อสมองซีก ซ้ายและขวามากขึ้น </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ยิ่งสมองสองด้านเชื่อมต่อกันมากแค่ไหน คนๆ นั้นยิ่งมีความเป็นเลิศด้านภาษามากขึ้น และยังอธิบายได้ว่า เหตุใดผู้หญิงจึงสามารถปฏิบัติภารกิจที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลยหลายๆ อย่างพร้อมกันได้ ด้วยเหตุนี้ เวลาที่ผู้หญิงจะขอให้สามีทำอะไรให้ ควรเลือกจังหวะให้ดีและมอบหมายภารกิจให้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นทำไมผู้ชายโกหกไม่สำเร็จ (อันนี้เจ๋ง..55)</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>การ ศึกษาภาษากายพบว่า</b> ในการสื่อสารแบบเผชิญหน้า สัญญาณที่ไม่ใช่คำพูดมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของสาส์นถึง 60% อีก 30% เป็นหน้าที่ของน้ำเสียง และ 10% ที่เหลือถึงเป็นถ้อยคำ </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ผู้หญิงมีทักษะในการเลือกสรรและวิเคราะห์ข้อมูลนี้มากกว่าผู้ชาย โดยสมองสองซีกจะส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันอย่างรวดเร็ว ทำให้สามารถรวบรวมและถอดรหัสถ้อยคำ ภาพที่เห็น และสัญญาณอื่นๆ</div>
<div style="text-align: left;">
อย่างมีประสิทธิภาพ และนี่คือคำอธิบายว่า เหตุใดผู้ชายจึงโกหกผู้หญิงซึ่งๆ หน้าไม่สำเร็จ แต่ผู้หญิงกลับทำพฤติกรรมแบบเดียวกันนี้ได้ง่ายดายและเนียนเหลือเกิน </div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ข้อแนะนำสำหรับเรื่องนี้ก็คือ ถ้าคิดจะตุกติก หนุ่มควรใช้วิธีโทรศัพท์ ส่งจดหมาย ปิดไฟหรือคลุมโปงคุยกับแฟนมากกว่าทำไมผู้หญิงมีปัญหาเวลาจอดรถขนานฟุตบาธ</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>งานวิจัยที่มีบริษัทสอนขับรถ</b>เป็นสปอนเซอร์แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายอังกฤษมีความแม่นยำ 82% ในการถอยรถคนอื่นเข้าจอดขนานกับขอบถนน และ 71% ทำได้ตั้งแต่ครั้งแรก ขณะที่ผู้หญิงได้คะแนนเพียง 22% และ 23% ตามลำดับ ทั้งที่เวลาสอบใบขับขี่ผู้หญิงจะได้คะแนนในส่วนนี้ดีกว่าผู้ชาย </div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
สาเหตุเป็นเพราะผู้หญิงเก่งกว่าผู้ชายในการเรียนรู้ภารกิจและทำซ้ำภายใต้ สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขที่เหมือนเดิม ทว่า ในสถานการณ์จริงที่การจราจรหมายถึงชุดข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประสิทธิภาพของผู้หญิงจึงด้อยลง ขณะที่ผู้ชายมีทักษะด้านมิติสัมพันธ์สูงกว่าซึ่งเหมาะสมต่อภารกิจนี้ รวมถึงการจดจำแผนที่ในหัวและรู้ว่าต้องเลือกเส้นทางไหน </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ถ้าต้องกลับไปที่เดิม ผู้ชายไม่จำเป็นต้องพึ่งแผนที่ เพราะพื้นที่สมองส่วนมิติสัมพันธ์จะบันทึกข้อมูลไว้ครบถ้วน ด้วยเหตุนี้ผู้ชายจึงลุกจากที่นั่งบนอัฒจรรย์เพื่อลงไปซื้อเครื่องดื่มและ กลับมาโดยไม่หลง ขณะที่เรามักคุ้นตากับภาพนักท่องเที่ยวหญิงยืนทำหน้างงใส่แผนที่ตามสี่แยกทำไมผู้หญิงใส่ใจความรู้สึก-ผู้ชายหมกมุ่นกับงาน</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>ผู้ชายมักตีค่าตัวเองจากหน้าที่การงาน</b>และความสำเร็จ ขณะที่ผู้หญิงมองตัวเองมีค่าโดยพิจารณาจากความสัมพันธ์กับคู่ครอง </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ในอดีตกาล ผู้ชายเป็นผู้หาอาหารและแก้ปัญหา ซึ่งหมายถึงภารกิจสูงสุดอยู่ที่ความอยู่รอดเฉพาะหน้า ส่วนผู้หญิงมีหน้าที่ดูแลบ้านและสร้างหลักประกันการอยู่รอดของลูกๆ แม้แต่ในยุคนี้ ผลศึกษาหลายชิ้นระบุว่า ผู้ชาย 70-80% ยังบอกว่าส่วนสำคัญที่สุดในชีวิตคืองาน และผู้หญิงในจำนวนเท่าๆ กันยกให้ครอบครัวมีความสำคัญที่สุด </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ผลลัพธ์คือ ถ้าผู้หญิงไม่มีความสุขกับชีวิตคู่จะไม่มีสมาธิกับงาน แต่ถ้าผู้ชายไม่มีความสุขกับงานจะปล่อยปละละเลยชีวิตคู่ </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
เมื่อเครียดหรือรู้สึกกดดัน ผู้หญิงจะมองว่าการได้พูดคุยกับสามีเป็นรางวัลอันมีค่า แต่ผู้ชายกลับรู้สึกว่าการกระทำแบบเดียวกันรบกวนกระบวนการแก้ปัญหา ผู้หญิงอยากคุยและให้สามีกอด แต่สิ่งที่ผู้ชายอยากทำมากที่สุดคือนอนดูฟุตบอล </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
สำหรับผู้หญิง สามีดูจะไม่ใส่ใจเลยสักนิด แต่สำหรับผู้ชาย ภรรยาช่างเซ้าซี้กวนใจหรือบางครั้งอวดรู้มากไปหน่อยเมื่อรู้แบบนี้ สามี-ภรรยาควรหาทางสายกลางเพื่อประคับประคองชีวิตคู่ให้ราบรื่น</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>ทำไมผู้หญิงชอบสับสนซ้าย-ขวา</b></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ความที่ใช้สมองทั้งสองด้านไปพร้อมกัน ผู้หญิงหลายคนจึงมีปัญหาเรื่องมือขวา-มือซ้าย </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ในการศึกษาพบว่า ผู้หญิงราว 50% นึกไม่ออกว่ามือซ้ายหรือมือขวาถ้าไม่ได้เหลือบตาลงมอง ทว่า ผู้ชายที่ใช้สมองทีละซีกตอบโจทย์นี้อย่างง่ายดาย </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงทั่วโลกจึงมักถูกเพศตรงข้ามบ่น เพราะชอบบอกให้เลี้ยวขวาทั้งที่จริงๆ แล้วหมายถึงเลี้ยวซ้าย ทำไมผู้ชายไม่ชอบถามทาง</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<b>เรื่อง นี้เกี่ยวกับทัศนคติ</b>ที่ฝังรากมาแต่ดึกดำบรรพ์ ที่ผู้ชายต้องออกสำรวจภูมิประเทศรอบๆ ถ้ำเพื่อจะได้กลับบ้านถูกเวลาออกไปล่าสัตว์หาอาหารมาเลี้ยงครอบครัวลูกเมียต่างหิวโหยแต่เชื่อมั่นว่าพ่อบ้านจะปฏิบัติภารกิจสำเร็จเหมือนเช่น ทุกครั้ง ดังนั้น ผู้ชายจึงไม่สามารถแสดงอาการกลัวออกมาให้ครอบครัวเห็น และมองว่าการขอความช่วยเหลือหมายความว่าการปฏิบัติภารกิจล้มเหลว</div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ผู้หญิงส่วนใหญ่ไม่รู้หรอกว่าเวลาผู้ชายขับรถออกไปนอกบ้านคนเดียว เขาอาจจอดถามทาง แต่การทำแบบนี้ต่อหน้าผู้หญิง จะทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองล้มเหลว </div>
</div>
<div style="text-align: justify;">
<div style="text-align: left;">
ด้วยเหตุนี้ ผู้หญิงจึงต้องระวังไม่ทำให้ผู้ชายรู้สึกผิดเวลาคุยปัญหากัน ขณะเดียวกัน ผู้ชายก็จะต้องเข้าใจว่าผู้หญิงไม่ได้มีเจตนากล่าวโทษ แต่ต้องการช่วยแบ่งเบา จึงไม่ควรเก็บปัญหาไว้หนักอกคนเดียว</div>
</div>
</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-53255662766910230212010-01-20T20:02:00.000-08:002016-12-31T00:48:10.028-08:00เมื่อคุณเตรียมตัวจะมีชีวิตคู่<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1ii5VCTkytuFqnRsvvfTXs48dLhbTAnGX0Rn4sdAn7AkRk500fgqT7aA11i51YkvJeLvPaPM99jSV-Umu9GD1FY29MWwb0cVgA-S4zXr6fN-L_7FFTFPcr9y1Lo8vP3OjrcAyo8bNAvk/s1600/images.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="243" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1ii5VCTkytuFqnRsvvfTXs48dLhbTAnGX0Rn4sdAn7AkRk500fgqT7aA11i51YkvJeLvPaPM99jSV-Umu9GD1FY29MWwb0cVgA-S4zXr6fN-L_7FFTFPcr9y1Lo8vP3OjrcAyo8bNAvk/s400/images.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>ขอขอบคุณข้อมูลจาก</b><br />
รองศาสตราจารย์ วิมลศิริ ชำนาญเวช <br />
คุณผู้หญิง .... <br />
<div align="center">
<span style="background-color: #00ffcc;"><img height="286" src="https://www.navy.mi.th/navylady/animation/women032.gif" style="height: 118px; width: 132px;" width="320" /></span></div>
<div align="center">
<span style="background-color: white; color: red; font-family: "times new roman" , "times" , serif; font-size: small;"><b>~ เมื่อคุณเตรียมตัวจะมีชีวิตคู่ ~ <br />กฎหมายครอบครัว - มรดก </b></span></div>
<br />
เมื่อคุณเตรียมตัวจะมีชีวิตคู่ สิ่งสำคัญลำดับแรกก็คือ ชายที่จะมาเป็นคู่ชีวิต เขาจะเป็นคนอย่างไร อยู่กับคุณยืด หรือไม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผู้เขียนนะคะ คุณต้องหาเอง เลือกเอง ข้อสำคัญอย่าไปเลือกคน ที่เขามีเจ้าของแล้ว เพราะจะผิดทั้งศีลธรรม ทั้งกฎหมาย เกิดความรักสามเส้า ที่นำความเศร้ามาให้มากกว่า ความสุข <br />
<br />
เรื่องที่ผู้เขียนจะขอเรียนให้ทราบก็คือเรื่อง กฎหมายครอบครัวและมรดกซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่ ทุกคนควรรู้ไว้ ก่อนทำการสมรส จะรอไว้รู้ที่หลังจะสายเกินแก้นะคะ <br />
<br />
เรื่องที่จะกล่าวถึงในบทความนี้มี ๗ เรื่อง คือ <br />
<br />
๑ . การหมั้น <br />
๒ . เงื่อนไขการสมรส<br />
๓ . ทรัพย์สินระหว่าง สามี – ภริยา<br />
๔ . การหย่า<br />
๕ . บุตรนอกสมรส<br />
๖ . บุตรบุญธรรม<br />
๗ . มรดก <br />
<br />
<b>ดิฉันได้แนบแบบพินัยกรรมและแบบสัญญาหย่า</b>ไว้ท้ายบทความนี้ด้วยถึงคุณจะไม่ใช้ใบหย่าเอง รู้ไว้บอกเพื่อนก็ได้ค่ะ <br />
<br />
๑ . การหมั้น <br />
<br />
กฎหมายกำหนดเงื่อนไขในการหมั้นไว้ ๓ ประการ คือ <br />
<br />
๑ . อายุ ทั้งหญิง – ชาย ต้องมีอายุครบ ๑๗ ปีบริบูรณ์ <br />
<br />
๒ . ความยินยอม ต้องให้บิดา มารดา ผู้ปกครองให้ความยินยอม <br />
<br />
๓ . ของหมั้น ต้องมีการมอบของหมั้นให้แก่หญิง เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น <br />
<br />
<b>ของหมั้น</b> ไม่จำต้องเป็นแหวนเพชรราคาแพง จะใช้เงินสดหรือเครื่องประดับอย่างอื่น หรือ ทองคำก็ได้ <br />
<br />
ถ้าให้ที่ดินต้องไปโอนกรรมสิทธิใส่ชื่อหญิงลงในโฉนดด้วย การมอบโฉนดให้ถือไว้เฉย ๆ ยังไม่ถือว่าเป็นการให้และไม่ถือว่าเป็นของหมั้น <br />
<br />
<b>ของหมั้น</b>ตกเป็นกรรมสิทธิของหญิงตั้งแต่วันหมั้น และเป็นสินส่วนตัวของหญิงเมื่อสมรส <br />
<br />
<b>สินสอด </b>เป็นทรัพย์สิน ซึ่งฝ่ายชายมอบให้แก่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองฝ่ายหญิง เพื่อตอบแทนการที่หญิงยอมสมรส <br />
<br />
ถ้าไม่มีการสมรสโดยหญิงเป็นฝ่ายผิด ฝ่ายชายเรียกสินสอดคืนได้ <br />
<br />
การหมั้นได้ประโยชน์อย่างไร <br />
กฎหมายไม่บังคับว่าต้องหมั้น ชายหญิงจะทำการสมรสโดยไม่หมั้นก็ได้ แต่ถ้าหมั้นก็จะเป็นหลักประกันความมั่นคงในครอบครัว เพราะเป็นการที่ผู้ใหญ่ทั้งสองข้างรับรู้ ป้องกันการสมรสซ้อน เนื่องจากว่า ถ้าเจ้าบ่าวมีคู่สมรสอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ก็จะไม่มาหมั้นซ้ำซ้อนให้อีก <br />
<br />
<b>การหมั้นก่อให้เกิดสิทธิ ๓ ประการคือ </b><br />
๑ . ฟ้องเรียกค่าทดแทนจากฝ่ายที่ผิดสัญญาหมั้น <br />
<br />
๒ . ชายคู่หมั้นมีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากชายอื่นที่มาแย่งคู่หมั้นหรือมาข่มขืนหญิงคู่หมั้น แต่หญิงไม่มีสิทธิเรียกค่าทดแทนจากหญิงอื่นที่มาแย่งคู่หมั้น ได้แต่ใช้สิทธิบอกเลิกการหมั้น โดยไม่ต้องคืนของหมั้นเท่านั้น <br />
<br />
๓ . ถ้าฝ่ายใดประพฤติชั่วภายหลังหมั้น จนเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งบอกเลิกการหมั้น ฝ่ายที่ประพฤติชั่วจะต้องจ่ายเงินค่าทดแทนให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งด้วย <br />
<br />
<b>๒ . เงื่อนไขการสมรส </b><br />
กฎหมายกำหนดเงื่อนไขการสมรสไว้ ๙ ประการคือ <br />
๑ . อายุ ชายหญิงต้องอายุ ๑๗ ปีบริบูรณ์ ถ้าจะสมรสอายุน้อยกว่านี้ต้องขออนุญาตศาล มิฉะนั้นทางอำเภอจะไม่จดทะเบียนสมรสให้ <br />
<br />
๒ . สติ ชายหญิงต้องสติดีไม่เป็นคนวิกลจริต <br />
<br />
๓ . ญาติ กฎหมายห้ามญาติสนิทสืบสายโลหิตสมรสกัน <br />
<br />
๔ . บุตรบุญธรรม ห้ามสมรสกับผู้รับบุตรบุญธรรม <br />
<br />
๕ . โสด ถ้ามีคู่สมรสแล้วห้ามจดทะเบียนสมรสอีก <br />
<br />
๖ . หญิงหม้าย ต้องรอ ๓๑๐ วัน จึงจะสมรสใหม่ได้ <br />
<br />
๗ . ผู้เยาว์ ต้องขอความยินยอมจากบิดามารดา <br />
<br />
๘ . สมัครใจ ชายหญิงต้องยินยอมเป็นสามีภริยากัน <br />
<br />
๙ . จดทะเบียน ถ้าไม่จด ไม่ถือว่าเป็นสามีภริยากันตามกฎหมาย <br />
<br />
<b>ทะเบียนสมรสให้ประโยชน์อย่างไร </b> <br />
การจดทะเบียนสมรสทำให้เป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมายก่อให้เกิดสิทธิต่อไปนี้ <br />
<br />
๑ . อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยา <br />
<br />
๒ . รับการอุปการะเลี้ยงดูจากกันและกัน <br />
<br />
๓ . หญิงมีสิทธิใช้ชื่อสกุลของสามี <br />
<br />
๔ . หญิงต่างชาติมีสิทธิขอถือสัญชาติไทยตามสามีได้ <br />
<br />
๕ . มีสิทธิจัดการสินสมรสร่วมกัน <br />
<br />
๖ . มีสิทธิรับมาดกของคู่สมรสเมื่ออีกฝ่ายตายก่อน <br />
<br />
๗ . มีสิทธิรับเงินจากทางราชการหรือจากนายจ้าง ถ้าตายเพราะปฏิบัติหน้าที่ หรือจากการทำงาน <br />
<br />
๘ . มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนฐานทำให้ต้องขาดไร้อุปการะจากบุคคลภายนอกที่ทำให้ คู่สมรสตาย <br />
<br />
๙ . มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากบุคคลที่สามที่มาแย่งคู่สมรส <br />
<br />
๑๐ . ทำให้บุตรมีฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมาย <br />
<br />
<b>เอกสารที่ต้องเตรียมในการจดทะเบียนสมรส </b><br />
๑ . บัตรประชาชน <br />
<br />
๒ . สำเนาทะเบียนบ้าน <br />
<br />
๓ . รายการทรัพย์ที่เป็นสินส่วนตัว <br />
<br />
<b>ถ้าประสงค์จะทำสัญญาก่อนสมรส </b><br />
ถ้าเจ้าบ่าว เจ้าสาวอายุยังไม่ถึง ๒๐ ปีบริบูรณ์ จะต้องไปอำเภอ ๖ คน คือ คุณพ่อคุณแม่เจ้าบ่าว ตัวเจ้าบ่าว คุณพ่อคุณแม่เจ้าสาว ตัวเจ้าสาว หากคุณพ่อคุณแม่คนใดไปอำเภอไม่ได้ ต้องเขียนจดหมายให้ความยินยอม ระบุชื่อเจ้าบ่าว เจ้าสาว และลงชื่อผู้ให้ความยินยอม <br />
<br />
ถ้าจะเชิญนายทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสให้ที่บ้าน หรือสถานที่ที่จัดงานสมรสก็ได้ โดยไปยื่นคำร้องขอจดทะเบียนล่วงหน้า และนัดหมายนายทะเบียนพร้อมทั้งชำระค่าธรรมเนียมจดทะเบียนนอกสถานที่เป็นเงิน ๒๐๐ บาท <br />
<br />
<b>ข้อควรระวัง </b><br />
ไม่ควรแต่งงานตามประเพณี ส่งตัวเข้าหอก่อน แล้วไปจดทะเบียนทีหลัง เพราะถ้าเขาไม่ยอมจดก็จะเกิดความเสียหาย ต้องฟ้องร้องมีคดีความกัน ยุ่งยากเนื่องจากสังคมไทยยังถือว่าความบริสุทธิ์ของ ผู้หญิงเป็นสิ่งสำคัญ กฎหมายยอมให้ฟ้องเรียกค่าเสียหายแก่กายและชื่อเสียงได้ ถ้าคู่หมั้นไม่ยอมไปจดทะเบียนสมรส แต่ถ้าไม่มีการหมั้นก็ฟ้องไม่ได้ <br />
<br />
<b>๓ . ทรัพย์สินระหว่างสามี – ภริยา</b> <br />
กฎหมายแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามี – ภริยา เป็น ๒ ชนิด คือ สินส่วนตัว กับ สินสมรส <br />
<br />
สินส่วนตัว <br />
<br />
ได้แก่ทรัพย์สิน ๔ อย่างต่อไปนี้ <br />
<br />
๑ . ทรัพย์ที่มีอยู่ก่อนสมรส <br />
<br />
๒ . เครื่องแต่งกายเครื่องประดับตามควรแก่ฐานะ เครื่องมือ เครื่องใช้ในการประกอบอาชีพ หรือวิชาชีพของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง <br />
<br />
๓ . ทรัพย์ที่ได้มาระหว่างสมรส โดยการรับมรดก หรือการให้โดยเสน่หา เช่น พ่อตาแม่ยายตาย ฝ่ายหญิงได้รับมรดกมาก็เป็นสินส่วนตัวของหญิง พ่อผัว แม่ผัวตาย ฝ่ายชายได้มรดกมาก็เป็นสินส่วนตัวของฝ่ายชาย <br />
<br />
คำว่าให้โดยเสน่หา คือ ให้ตั้งแต่ผู้ให้ยังมีชีวิตอยู่ ให้แก่ใครก็เป็นสินส่วนตัวของผู้นั้น <br />
<br />
<b>๔ . ของหมั้น เป็นสินส่วนตัวของหญิง </b><br />
สินสมรส ได้แก่ทรัพย์สิน ๓ รายการนี้ คือ <br />
<br />
๑ . ทรัพย์ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส <br />
<br />
๒ . ทรัพย์ที่ผู้ให้ทำพินัยกรรม หรือหนังสือยกให้ ระบุว่าให้ทั้งสองคนเป็นสินสมรส <br />
<br />
๓ . ทรัพย์ที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว เช่น ก่อนสมรส ชายมีเงินฝากธนาคาร หญิงมีหุ้นบริษัท เมื่อสมรสแล้ว ได้ดอกเบี้ยจากเงินฝาก หรือเงินปันผลจากหุ้น ดอกเบี้ยและเงินปันผลจากสินส่วนตัวของทั้งสองข้าง ถือเป็นสินสมรสที่เป็นเจ้าของร่วมกัน <br />
<br />
<b>การจัดการทรัพย์สิน</b> <br />
สินส่วนตัวของฝ่ายใดฝ่ายนั้นจัดการเองได้โดยลำพัง <br />
<br />
สินสมรส ถ้ามีสัญญาก่อนสมรส ตกลงจดไว้ในวันจดทะเบียนสมรสว่าให้ฝ่ายใดจัดก็เป็นไปตามข้อตกลง ถ้ามิได้มีสัญญาก่อนสมรส กฎหมายให้สามีภริยาจัดการสินสมรสร่วมกัน เฉพาะนิติกรรมที่สำคัญ ๘ อย่าง คือ <br />
<br />
๑ . ขาย ขายฝาก ให้เช่าซื้อ จำนอง ปลดจำนอง อสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน ตึก บ้าน หรือสังหาริมทรัพย์ ที่อาจจำนองได้ เช่นเรือกำปั่น เรือกลไฟ แพ สัตว์พาหนะ หรือเครื่องจักรที่จดทะเบียนแล้ว <br />
<br />
๒ . ก่อตั้งทรัพยสิทธิ หรือทำให้ทรัพยสิทธิสิ้นสุดลง เช่น มีที่ดินติดถนนบังแปลงอื่น การตกลงยอมให้เจ้าของที่ดินแปลงใน ทำทางผ่าน เรียกว่าก่อให้เกิดภาระจำยอม เป็นทรัพยสิทธิชนิดหนึ่ง ข้อตกลงนี้ต้องจดทะเบียน และต้องให้คู่สมรสยินยอม <br />
<br />
๓ . ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เกิน ๓ ปี <br />
<br />
๔ . ให้กู้ยืมเงิน การที่สามีภริยาจะนำเงินสินสมรสออกให้ใครกู้ยืมต้องปรึกษาหารือคู่สมรส เพื่อพิจารณาว่าควรให้เขากู้ยืมหรือไม่ ลูกหนี้มีทางจะชำระคืนได้หรือไม่ เพื่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของครอบครัว <br />
<br />
๕ . ให้โดยเสน่หา เว้นแต่การให้ที่พอควรแก่ฐานานุรูปของครอบครัว เพื่อการกุศล เพื่อการสังคม หรือตามหน้าที่ธรรมจรรยา <br />
<br />
๖ . ประนีประนอมยอมความ<b> </b><br />
<br />
๗ . มอบข้อพิพาทให้อนุญาโตตุลาการวินิจฉัย คือการตกลงให้คนกลางตัดสินข้อพิพาทเพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเป็นความ ข้อตกลงอย่างนี้ต้องให้คู่สมรสยินยอมด้วย <br />
<br />
๘ . นำทรัพย์สินไปเป็นประกันหรือหลักประกันต่อเจ้าพนักงาน หรือศาล <br />
<br />
การที่จะเอาทรัพย์สินไปวางประกันตัวผู้ต้องหาที่ถูกตำรวจจับ เสี่ยงต่อความสูญเสีย เพราะถ้า ผู้ต้องหาหลบหนีไม่ไปให้ถ้อยคำตามที่เจ้าพนักงานนัดหมาย หลักทรัพย์ที่ไปวางประกันไว้จะถูกยึด ขายทอดตลาด จึงต้องขอความยินยอมจากคู่สมรสก่อนเอาไปประกัน และเมื่อพ้น ๗ วันแล้ว เจ้าพนักงานส่งตัวผู้ต้องหาไปศาล ต้องตามไปประกันที่ชั้นศาล ก็ต้องมีหนังสือยินยอมของคู่สมรสไปแสดงต่อศาลเช่นเดียวกัน <br />
<br />
<b>๔ . การหย่า </b><br />
ถ้าอยู่ด้วยกันไม่มีความสุข ประสงค์จะหย่าขาดจากกัน ตกลงกันได้โดยสันติวิธี เขียนสัญญาหย่าเป็นลายลักษณ์อักษร แบ่งลูกแบ่งทรัพย์กัน ว่าลูกคนไหนใครจะปกครอง ทรัพย์ชิ้นไหนใครจะเอา ลงชื่อสามี ภริยา ต่อหน้าพยาน ๒ คน แล้วนำสัญญาหย่าไปจดทะเบียนที่อำเภอ <br />
<br />
ข้อที่ควรระวังคือ ต้องคิดให้รอบคอบ อย่าตัดสินใจวู่วามใช้อารมณ์เพราะบางครั้งเมื่อหายโกรธจะกลับมาคืนดีกันอีกก็กลับไม่ได้ เพราะเขาไปจดทะเบียนใหม่กับคนอื่นไปก่อนแล้ว <br />
<br />
ถ้าตกลงกันไม่ได้เพราะฝ่ายหนึ่งอยากหย่า แต่อีกฝ่ายไม่ยินยอม หรือยอมแต่แย่งลูกแย่งทรัพย์กัน ก็ต้องฟ้องศาล การฟ้องศาลต้องมีเหตุอ้างตามที่กฎหมายกำหนด คือ <br />
<br />
<b>เหตุหย่า </b><br />
๑ . สามีอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องหญิงอื่นฉันภริยา หรือภริยามีชู้ <br />
<br />
๒ . ประพฤติชั่ว <br />
<br />
๓ . ทำร้าย หมิ่นประมาทอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่งอย่างร้ายแรง <br />
<br />
๔ . จงใจ ละทิ้งร้างเกิน ๑ ปี <br />
<br />
๔ . ๑ ถูกจำคุกเกิน ๑ ปี <br />
<br />
๔ . ๒ สมัครใจแยกกันอยู่ เพราะไม่อาจอยู่ร่วมกันได้โดยปกติสุขตลอดมาเกิน ๓ ปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี <br />
<br />
๕ . ศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนา หรือถิ่นที่อยู่เกิน ๓ ปี ไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร <br />
<br />
๖ . ไม่อุปการะเลี้ยงดู หรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีภริยาอย่างร้ายแรง <br />
<br />
๗ . วิกลจริตตลอดมาเกิน ๓ ปี <br />
<br />
๘ . ผิดทัณฑ์บน <br />
<br />
๙ . เป็นโรคติดต่อร้ายแรง เรื้อรัง ไม่มีทางหาย เป็นอันตรายแก่อีกฝ่ายหนึ่ง <br />
<br />
๑๐ . สภาพแห่งกายไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล <br />
<br />
<b>เหตุอย่า ข้อ ๑ คือเรื่องนอกใจกัน</b> ถ้าหย่าเพราะเหตุนี้มีสิทธิฟ้องเรียกค่าทดแทนจากคู่หย่า และจากบุคคลที่มาแย่งคู่สมรสได้ด้วย หรือจะไม่ฟ้องหย่าจะใช้สิทธิเฉพาะฟ้องบุคคลที่ ๓ ที่มาแย่งคู่สมรส แสดงตนโดยเปิดเผยว่ามีความสัมพันธ์ในทำนองชู้สาวกับสามีก็ได้ แต่ต้องฟ้องภายใน ๑ ปี นับแต่ รู้ความจริงมิฉะนั้นคดีขาดอายุความศาลไม่รับฟ้อง <br />
<br />
<b>เหตุหย่าตามข้อ ๔</b> . ๑ , ๔ . ๒ เพิ่มขึ้นตามกฎหมายใหม่ใช้บังคับตั้งแต่ ๒๗ กันยายน ๒๕๓๓ วัตถุประสงค์ของข้อ ๔ . ๒ ก็เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายมีเวลายับยั้งชั่งใจคิดไห้รอบคอบ เมื่อแน่ใจว่าอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้วจึงค่อยหย่ากัน ข้อที่ควรระวังก็คือ ถ้าไม่อยากถูกฟ้องหย่าเพราะเหตุนี้ก็ต้องแสดงทีท่าว่ายัง ยินดีต้อนรับยังอยากปรับความเข้าใจ ยังรักใคร่ใยดีให้ปรากฏ มิฉะนั้นอีกฝ่ายจะอ้างได้ว่าบัดนี้มีการสมัครใจแยกกันอยู่เกินสามปีแล้ว จะทำให้ถูกฟ้องอย่าโดยที่มิได้มีความผิด <br />
<br />
<b>๕ . บุตรนอกสมรส </b><br />
เด็กเกิดจากหญิงที่มิได้จดทะเบียนสมรส เป็นบุตรนอกสมรสของชายถ้าชายมีศีลธรรมดี รับผิดชอบต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา ก็มีทางช่วยให้เด็กเปลี่ยนฐานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายได้ ๓ วิธี คือ <br />
<br />
๑ . จดทะเบียนสมรสกับแม่เด็ก การจดทะเบียนสมรส ทำให้ลูกทุกคนที่เกิดแล้ว และจะเกิดต่อไปมีฐานะเป็นลูกชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่วันที่ บิดามารดา จดทะเบียนสมรสกัน <br />
<br />
๒ . จดทะเบียนรับรองบุตร วิธีนี้ใช้เมื่อชายไม่สามารถจดทะเบียนสมรสกับแม่ของเด็กได้ เพราะมีคู่สมรสอยู่แล้ว ถ้าจะจดทะเบียนเด็กให้บุตรชอบด้วยกฎหมายต้องให้เด็กและมารดาเด็กยินยอม กฎหมายไม่บังคับว่า คู่สมรสของชายต้องมาให้ความยินยอมด้วย เพราะถ้าบัญญัติไว้เช่นนั้น เด็กก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองเท่าที่ควร การที่บิดาของเด็กประพฤติผิดศีลธรรมนอกใจคู่สมรส เด็กมิได้มีส่วนร่วมรู้เห็นด้วย กฎหมายจึงไม่กำหนดว่าต้องให้คู่สมรสของชายมาให้ความยินยอม <br />
<br />
๓ . ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตร ถ้าชายไม่ยอมจด หรืออยากจด แต่หญิงมารดาเด็กไม่อาจให้ความยินยอมได้ เพราะตายหรือสูญหายไปเช่นนี้ ต้องมีคำพิพากษาของศาลไปแสดง ทางอำเภอจึงจะจดทะเบียนรับรองบุตรให้ <br />
<br />
การฟ้องให้ศาลพิพากษาว่าเป็นบุตรนี้ แม้ว่าชายจะตายไปแล้วก็ยังฟ้องได้ แต่ต้องฟ้องภายใน ๑ ปี นับแต่ชายตาย เพื่อจะได้มีสิทธิรับมรดก แต่ถ้าต้องการเพียงได้ชื่อว่าเป็นลูกมีอายุความฟ้องได้ภายใน ๑ ปี นับแต่เด็กบรรลุนิติภาวะ <br />
<br />
<b>๖ . บุตรบุญธรรม</b> <br />
ผู้ประสงค์จะรับบุตรบุญธรรมจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด คือ <br />
<br />
๑ . มีอายุ ๒๕ ปีบริบูรณ์ และแก่กว่าเด็กอย่างน้อย ๑๕ ปี <br />
<br />
๒ . จะต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลต่อไปนี้ <br />
<br />
ก . จากบิดา มารดาของเด็ก <br />
<br />
ข . จากตัวเด็กเอง ถ้าอายุ ๑๕ ปีบริบูรณ์แล้ว <br />
<br />
ค . จากคู่สมรสทั้งของผู้รับและผู้จะเป็นบุตรบุญธรรม <br />
<br />
ง . จากผู้ดูแลสถานสงเคราะห์ ถ้าเป็นเด็กที่ถูกทอดทิ้งอยู่ในสถานสงเคราะห์ <br />
<br />
๓ . ต้องได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการการรับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม ในกรุงเทพฯมีอธิบดีกรมประชาสงเคราะห์เป็นประธาน ต่างจังหวัดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน <br />
<br />
๔ . ต้องผ่านการทดลองเลี้ยงดู ๖ เดือน เพื่อดูว่าเด็กเข้ากับครอบครัวใหม่ได้หรือไม่ โดยมีนักสังคมสงเคราะห์ไปเยี่ยมอย่างน้อย ๓ ครั้ง <br />
<br />
๕ . ต้องจดทะเบียน <br />
<center>
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3134526468117619";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* manmanคลิป1 */
google_ad_slot = "6206933421";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//</script>
<script src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script>
</center>
<br />
ผลของการเป็นบุตรบุญธรรม <br />
<br />
เมื่อจดทะเบียนเด็กเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว เด็กจะมีฐานะในครอบครัวของผู้รับบุตรบุญธรรมอย่างบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ไม่สูญสิทธิและหน้าที่ในครอบครัวเดิมที่ได้กำเนิดมา คือมีสิทธิรับมรดกทั้งจากบิดามารดาบุญธรรมและบิดา มารดาผู้ให้กำเนิด <br />
<br />
บิดา มารดาผู้ให้กำเนิดหมดอำนาจปกครองตั้งแต่วันเวลาที่เด็กเป็นบุตรบุญธรรมแล้ว <br />
<br />
<b>๗ . มรดก </b><br />
ใครบ้างเป็นทายาท <br />
<br />
ทายาทมี ๒ ประเภท คือ ทายาทโดยธรรม และทายาทตามพินัยกรรมถ้าผู้ตายทำพินัยกรรมสั่งไว้ว่ายกทรัพย์ชิ้นใดให้แก่ใคร ผู้นั้นก็มีสิทธิรับทรัพย์ตามที่ระบุไว้ในพินัยกรรม <br />
<br />
ถ้าผู้ตายมิได้ทำพินัยกรรมไว้ ทรัพย์มรดก จะตกทอดแก่ทายาทโดยธรรม ซึ่งมี ๖ ลำดับ คือ <br />
<br />
๑ . ผู้สืบสันดาน คือ บุตร ถ้าบุตรคนใดตายก่อน หลานบุตรของบุตรจะรับแทน <br />
<br />
๒ . บิดา มารดา <br />
<br />
๓ . พี่น้องร่วมบิดา มารดา <br />
<br />
๔ . พี่น้องร่วมบิดา หรือร่วมมารดาเดียวกัน <br />
<br />
๕ . ปู่ ย่า ตา ยาย <br />
<br />
๖ . ลุง ป้า น้า อา <br />
<br />
คู่สมรสเป็นทายาทลำดับพิเศษ ที่จะได้รับมรดกโดยแบ่งกับทายาทอื่นของผู้ตาย <br />
<br />
ทายาททั้ง ๖ ลำดับนี้ กฎหมายกำหนดให้ญาติสนิทลำดับต้นได้รับมรดกก่อน ถ้าผู้ตายมีทายาทลำดับต้นอยู่แล้ว ลำดับถัด ๆ ลงไปจะไม่ได้รับมรดก ยกเว้น บุตร กับ บิดามารดา และคู่สมรสของผู้ตายจะได้รับมรดกคนละเท่า ๆ กัน พร้อม ๆ กัน เช่น นายกุหลาบ สามีนางมะลิถึงแก่กรรมโดยมีบุตร ๒ คน คือ จำปี กับจำปามีบิดามารดาชื่อนายกบ กับนางกุ้ง ขณะถึงแก่กรรมมีสินสมรสอยู่ ๑๐ ล้านบาท แบ่ง สินสมรสให้ภริยาครึ่งหนึ่งก่อน คือ ๕ ล้านบาท ส่วนของผู้ตาย ๕ ล้าน ตกเป็นกองมรดกแบ่งให้ทายาท ๕ คน คือ จำปี จำปา ซึ่งเป็นบุตรคนละ ๑ ล้านบาท กบและกุ้งซึ่งเป็นบิดา มารดา คนละ ๑ ล้านบาทและมะลิซึ่งเป็นคู่สมรสได้อีก ๑ ล้านบาท <br />
<br />
<b>พินัยกรรมทำอย่างไร </b><br />
พินัยกรรม คือ คำสั่งของเจ้ามรดกว่า ถ้าตายแล้วจะยกทรัพย์ชิ้นใดให้แก่ผู้ใด กฎหมายกำหนดแบบพินัยกรรมไว้ ๕ แบบ <br />
<br />
๑ . แบบธรรมดา ทำเป็นหนังสือลงวันเดือนปีขณะที่ทำ ระบุว่าทรัพย์ชิ้นใดให้แก่ผู้ใดชัดเจน แล้วลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานอย่างน้อย ๒ คน <br />
<br />
พินัยกรรมแบบนี้จะให้ผู้ใดเขียนหรือพิมพ์ก็ได้ <br />
<br />
๒ . แบบเขียนเองทั้งฉบับ ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนข้อความทั้งหมดด้วยมือตนเอง ตั้งแต่วัน เดือน ปี จนถึงลงลายมือชื่อ พินัยกรรมแบบนี้ไม่ต้องมีพยาน <br />
<br />
๓ . เอกสารฝ่ายเมือง ถ้าเกรงว่าทายาทจะฟ้องร้องกล่าวอ้างว่า พินัยกรรมปลอม ก็ควรทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง คือไปหานายอำเภอให้ช่วยทำพินัยกรรมให้ โดยให้นายอำเภอจดแจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะระบุไว้ในพินัยกรรมลงลายมือชื่อต่อหน้าพยาน ๒ คน <br />
<br />
นายอำเภอต้องลงลายมือชื่อวัน เดือน ปี รับรองว่าพินัยกรรมนั้นทำขึ้นโดยถูกต้องตามกฎหมายและประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญ <br />
<br />
๔ . พินัยกรรมลับ ผู้ทำพินัยกรรม ทำพินัยกรรมแล้วปิดผนึกลงลายมือชื่อคาบรอยผนึก นำไปแสดงต่อนายอำเภอและพยาน ๒ คน ให้นายอำเภอจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรม และวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมไว้บนซอง และประทับตราตำแหน่งลงลายมือชื่อ นายอำเภอ ผู้ทำพินัยกรรม และพยาน บนซองนั้น <br />
<br />
๕ . ทำพินัยกรรมด้วยวาจา การที่เจ้ามรดกสั่งว่าจะยกอะไร ให้แก่ใครคำสั่งนั้นมิใช่พินัยกรรม ใช้บังคับไม่ได้ จะใช้บังคับได้ต่อเมื่อมีพฤติการณ์พิเศษตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย มีโรคระบาด มีสงคราม บุคคลนั้นแสดงเจตนาต่อหน้าพยานอย่างน้อย ๒ คน พยานสองคนนั้นต้องไปแสดงตนต่อนายอำเภอโดยไม่ชักช้า แจ้งข้อความที่ผู้ตายสั่งไว้ด้วยวาจานั้น พร้อมทั้งแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรม และพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย <br />
<br />
พินัยกรรมแบบนี้ไม่นิยมใช้เพราะจะเกิดปัญหาได้ เพราะถ้าศาลเห็นว่าพฤติการณ์นั้น มิใช่ พฤติการณ์พิเศษ หรือพยานมาแจ้งช้าไปก็ถือว่าคำสั่งนั้นใช้ไม่ได้ เท่ากับมิได้ทำพินัยกรรม และต้องแบ่งมรดกให้แก่ทายาทโดยธรรมต่อไป <br />
<br />
<b>ข้อควรระวัง </b><br />
กฎหมายห้าม ผู้เขียน พยาน และคู่สมรสของผู้เขียนหรือของพยานเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรม ดังนั้น ถ้าญาติผู้ใหญ่จะทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่ใคร ผู้นั้นจะต้องหาคนอื่นมาเขียนพินัยกรรมให้ จะเขียนเองไม่ได้เพราะจะเสียสิทธิในการรับมรดกตามพินัยกรรมนั้น กฎหมายบัญญัติไว้เพื่อป้องกันมิให้ทายาทคนใดเอาเปรียบทายาทอื่น โดยเข้าเป็นผู้เขียนพินัยกรรมเอง และระบุทรัพย์ที่ตนอยากได้เป็นของตนคนเดียว <br />
จาก คู่มือกฎหมายเกี่ยวกับสตรี <br />
<br />
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานสตรีแห่งชาติ <br />
สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี<br />
ปีงบประมาณ ๒๕๓๗lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-19815716040712396252010-01-20T19:57:00.000-08:002016-12-31T00:59:53.646-08:00ลูกใครเอ่ย<div align="center">
</div>
<div align="center">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNTFYuAnG8U1liYNWJMYDbD_4P5Pxb-LOlGmO0hWO5F5TBuKjpVP1bVfhzUlpnrryi_0g8Te8TGV9AoAASjKsMlHgPWuwsWYj384xwPXXqOPIpPcKT-HmAeRcPYmX7pmCt4riGcbGMum0/s1600/LfNPB5imNMwszhjDMtJo0QBsAhArtDSPSXjuVr7NJg1hXS2Wjhd6uaSGbRsMvI4EE6E5dTt9Tlpja2WwOYzMjFqRF0F0j7NFAfADjQ%253Dw512-h288-nc.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="225" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiNTFYuAnG8U1liYNWJMYDbD_4P5Pxb-LOlGmO0hWO5F5TBuKjpVP1bVfhzUlpnrryi_0g8Te8TGV9AoAASjKsMlHgPWuwsWYj384xwPXXqOPIpPcKT-HmAeRcPYmX7pmCt4riGcbGMum0/s400/LfNPB5imNMwszhjDMtJo0QBsAhArtDSPSXjuVr7NJg1hXS2Wjhd6uaSGbRsMvI4EE6E5dTt9Tlpja2WwOYzMjFqRF0F0j7NFAfADjQ%253Dw512-h288-nc.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><b style="color: #ff3300;"><br /><span style="font-size: large;">~ ลูกใครเอ่ย ~</span></b></td></tr>
</tbody></table>
</div>
<b>หัวข้อนี้ได้รับความกรุณาจาก น.อ.ศิริวัฒน์ ธนะเพทย์ ซึ่งรับราชการอยู่ที่ สรส </b>.<br />
ที่ท่านได้เล่าให้ ้ฟังว่า มีนักเรียนคนหนึ่งมาสมัครเป็นนักเรียนในโรงเรียนทหารแห่งหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนการทำสัญญา เข้า รับราชการต้องอาศัยความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบ ธรรม ซึ่งได้แก่ บิดาและมารดา มิฉะนั้นจะทำให้ สัญญาเป็นโมฆียะ ( เสียเปล่าตั้งแต่ เริ่มแรก เมื่อมีการบอกล้าง ) แต่ปรากฏว่าบิดามารดาของนักเรียน ผู้นั้นไม่ได้จดทะเบียน สมรสกัน แล้วมารดาก็ได้หนีหายหรือเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนพ่อเองก็ไม่เคย มีการ จดทะเบียนรับรองบุตรมาก่อน จึงทำให้ทางหน่วยงานรับสมัครเกิดปัญหาว่า แล้วใครจะ เป็นคน ลงลายมือชื่อในเอกสารหรือให้การยินยอมในการทำสัญญาในฐานะผู้แทนโดย ชอบธรรมของเด็ก <br />
<br />
<b>ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจาก</b>การที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้กำหนดให้เด็กที่เกิด จากครรภ์ ของหญิงใดย่อมเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของหญิงนั้น โดยไม่มีทางปฏิเสธ เป็น อย่างอื่น ทั้งนี้เนื่องจาก กฎหมายใช้คำว่า “ ให้ถือว่า ” ซึ่งเป็นคำที่หนักแน่นกว่าการ สันนิษฐาน และเด็กก็ย่อมเป็นบุตร ที่ชอบด้วย กฎหมายของหญิงเสมอไม่ว่าหญิงมารดา จะได้สมรสกับชาย ใดหรือไม่ก็ตาม ซึ่งมารดาก็ย่อมมีอำนาจ ปกครองบุตรตามกฎหมาย ทุกประการ <br />
<br />
แต่ในส่วนของบิดานั้น หากหญิงมารดาไม่ได้ทำการสมรสกับชายผู้เป็นบิดา เด็กที่เกิดมาจะเป็นบุตร<br />
นอกสมรสของชายผู้นั้น ซึ่งบุตรนอกสมรสนั้นหมายถึง เด็กที่เกิดจากบิดามารดาที่ไม่ได้เป็นคู่สมรส กันโดย ถูกต้องตามกฎหมาย และเด็กนั้นก็จะถือว่าเป็นบุตรที่ชอบด้วย กฎหมายของหญิงผู้เป็นมารดาคนเดียว ส่วนอีกกรณีหนึ่งคือบุตรในสมรส บุตรในสมรส หมายถึง เด็กที่เกิดจากบิดามารดาซึ่งได้มีการสมรสกันโดย ชอบด้วยกฎหมายในระหว่างที่การสมรสนั้น ยังมีผลบังคับอยู่โดยถูกต้องตามกฎหมายรวมถึงเด็กที่เกิดจาก<br />
หญิงภายใน สามร้อยสิบวันนับ แต่วันที่การสมรสนั้นสิ้นสุดลง ทั้งนี้เกิดจากการที่กฎหมายได้กำหนดข้อ<br />
สันนิษฐานไว้ในเบื้องต้น เท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาเด็กตกอยู่ในสภาพไร้บิดา ซึ่งในสังคมปัจจุบันเกิดขึ้น<br />
เสมอๆ ข้อ สันนิษฐานนี้แม้จะเป็นข้อสันนิษฐานที่เด็ดขาด แต่เป็นเพียงขั้น ต้นเท่านั้น ผู้เป็นบิดาอาจโต้ แย้งปฏิเสธได้ว่าตนมิใช่บิดาของเด็ก แม้จะเป็นสามีหรือเคย เป็นสามีของหญิงดังกล่าวก็ตาม ซึ่งจะได้ ทำการกล่าวถึงต่อไป <br />
<br />
หากเด็กเกิดในช่วงเวลาที่หญิงและชายได้สมรสกันโดยถูกต้องตามกฎหมาย เด็กที่เกิดมาก็ย่อมเป็น บุตรของชายผู้เป็นสามีของหญิงผู้เป็นมารดาของเด็กแน่นอน แต่หาก เด็ก เกิดภายหลังจากที่ การสมรสสิ้น สุดลง ภาวะเช่นนี้เราจะทราบได้อย่างไรว่าเด็กนั้นเป็น ลูกของใคร เพราะเมื่อการสมรส สิ้นสุดลงแล้ว หญิง ย่อมมีอิสระที่จะมีความสัมพันธ์กับชาย ใดก็ได้ ทำให้การที่กฎหมายจะกำหนดให้เด็กที่เกิดหลังการสมรส สิ้นสุดลงเป็นบุตรของชาย ผู้เคยเป็นสามี เสมอไป ย่อมไม่ถูกต้องกับความเป็นจริงและไม่เป็นธรรมแก่ชาย ผู้เคยเป็นสามี ในขณะเดียวกัน การไม่กำหนดให้บุตรที่เกิดในสภาวะเช่นนี้เป็นบุตรของผู้ใดเลย ก็ถือเป็นการไม่ให้ความคุ้มครอง แก่เด็ก ฉะนั้น<br />
เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและ สอดคล้องกับความเป็นจริง กฎหมายจึง<br />
กำหนดข้อ สันนิษฐานให้เด็กที่เกิดภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสสิ้น สุดลง เป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายของชายผู้เคยเป็นสามี <br />
<br />
การกำหนดระยะเวลาให้เด็กที่เกิดภายในสามร้อยสิบวันนับแต่วันที่การสมรสนั้นสิ้นสุดลง เป็นบุตร ในสมรส ดังกล่าวข้างต้น เนื่องจากเป็นระยะเวลายาวที่สุดที่ทารกจะอยู่ในครรภ์ มารดานับแต่ มีการปฏิสนธิจนกระทั่ง คลอด เป็นไปได้ว่าก่อนการสมรสสิ้นสุดลงสามีภรรยาอาจมีเพศสัมพันธ์กัน และเกิดการ ปฏิสนธิขึ้นหลังจาก นั้น กฎหมายจึงกำหนดข้อสันนิษฐาน ดังกล่าวเพื่อประโยชน์แก่เด็กที่ จะเกิดมาในภายหลัง สำหรับเด็กที่เกิด หลังจากพ้นสามร้อยสิบ วัน นับแต่วันที่การสมรสสิ้นสุดลง ย่อมไม่ได้รับประโยชน์จากข้อสันนิษฐานนี้ โดย การสมรส ที่สิ้น สุดลงนี้อาจจะเกิดจากการตาย การหย่า การที่ศาลเพิกถอนให้การสมรสที่เป็นโมฆียะ รวมไป ถึงการสมรสที่เป็นโมฆะด้วย <br />
<br />
ส่วนวิธีการที่จะเปลี่ยนสถานะของบุตรนอกสมรสให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา ซึ่งจะมีผล ทำให้บิดาสามารถให้ความยินยอมในเรื่องต่างๆ รวมทั้งการทำสัญญากับหน่วย งานรับ สมัครได้ นั้น สามารถกระทำได้ ๓ วิธี คือ <br />
<br />
( ๑ ) บิดามารดาจดทะเบียนสมรสกันภายหลัง โดยสถานะความเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของเด็กจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติจากผลของการสมรส ในภาย หลัง ของบิดามารดา โดยบิดาไม่จำเป็นต้อง จดทะเบียนรับรองบุตรอีก และผล ของการ เป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายนี้จะมีผลนับแต่วันสมรสของบิดามารดา มิได้ย้อนหลังไปจนถึงวันที่เด็ก เกิดดังนั้น ในระยะเวลาก่อน การสมรสของบิดามารดา เด็กจะไม่มีสถานะเป็น บุตรชอบด้วยกฎหมาย ของบิดา <br />
<br />
( ๒ ) บิดาจดทะเบียนรับรองเด็กเป็นบุตร โดยเด็กจะมีสถานะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา<br />
โดยบิดาไม่ จำเป็นต้องสมรสกับมารดา ซึ่งทะเบียนในกรณีนี้จะหมายถึงทะเบียน ครอบครัวสำหรับจด ทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร คือ ทะเบียน คร.๙ ออกตามกฎกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.๒๔๗๘ (ฉบับที่ ๒) ไม่ใช่ทะเบียนบ้าน คือการที่บิดาเอาชื่อเด็กที่เกิดไปลงไว้ในทะเบียน บ้านในฐานะบุตรหรือยินยอมให้ ้มีการแจ้งดังกล่าว ไม่ถือเป็นการจดทะเบียนรับรองบุตร โดย ผู้ที่จะขอจดทะเบียนเด็กเป็นบุตร ชอบด้วย กฎหมายต้องเป็นบิดาที่แท้จริงของเด็ก และจะ จดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรได้ก็ต่อเมื่อได้ รับความยินยอม จากเด็กและมารดาเด็ก <br />
<br />
โดยปกติเมื่อชายผู้เป็นบิดาจะขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตร จะต้องไปยื่นคำร้องขอ จดทะเบียน<br />
รับ เด็กเป็นบุตรต่อนายทะเบียน ณ ที่ทำการเขตหรือที่ว่าการอำเภอ หากเด็กและมารดาเด็ก ไปด้วย นายทะเบียนจะให้บุคคลทั้งสองลงนามให้ความยินยอมในการขอจดทะเบียนของชาย ผู้เป็นบิดาใน ด้านหลังคำร้องนั้น แต่ถ้าเด็กและมารดาเด็กไม่ได้มาให้ความยินยอมต่อหน้า นายทะเบียน นาย ทะเบียน จะต้องมีหนังสือแจ้งการขอจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรของชาย ผู้เป็นบิดาไปยังบุคคล ทั้งสอง เพื่อ สอบถามว่าจะให้ความยินยอมในการจดทะเบียนนี้หรือไม่ หากเด็กและมารดาเด็ก แสดงความยินยอม ไม่ว่าจะโดยทำเป็นหนังสือ หรือมาแจ้งด้วยตนเอง นายทะเบียนก็สามารถ รับจดทะเบียนได้ แต่ถ้า นายทะเบียนไม่ได้รับคำตอบแสดงคำยินยอม หรือแม้แต่ไม่แสดงการ คัดค้านใดๆ ภายใน ๖๐ วัน กรณีที่อยู่ในประเทศไทย หรือ ๑๘๐ วัน กรณีที่อยู่ต่างประเทศ นับแต่วันที่แจ้ง กฎหมายให้สันนิษฐาน ว่าเด็กหรือมารดาเด็กไม่ให้ ความยินยอม ซึ่งรวมทั้งกรณีที่ มารดา ไม่สามารถให้ความยินยอมเนื่องจาก ได้เสียชีวิตไป แล้วด้วย นายทะเบียนจะรับจดทะเบียน ให้ไม่ได้ ชายผู้ขอจดทะเบียนจะต้องนำคดีขึ้นสู่ศาล เพื่อให้ศาลพิพากษาให้จดทะเบียนเด็กเป็น บุตร และเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ชายผูู้้ขอ จดทะเบียน เด็กเป็นบุตรจดทะเบียนได้แล้ว ชายผู้ขอจดทะเบียนจะต้องนำคำพิพากษานี้ไปขอจดทะเบียน ต่อนาย ทะเบียน และนายทะเบียนต้องดำเนินการจดทะเบียนให้ ส่วนการคัดค้าน การจดทะเบียนนั้นจะทำได้เฉพาะ ตัวเด็กและ มารดาของเด็กเองเท่านั้น และข้อคัดค้านมีเพียง ประการเดียว คือบุคคลผู้ขอจดทะเบียนมิ ใช่บิดา จะอ้างเหตุอื่น เป็นต้นว่ามีความประพฤติไม่ดี ต้องการจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรด้วยประสงค์ จะเอาทรัพย์สินเด็ก เช่นนี้มาเป็นข้ออ้างใน การคัดค้านไม่ได้ <br />
<center>
<script type="text/javascript"><!--
google_ad_client = "ca-pub-3134526468117619";
google_ad_host = "pub-1556223355139109";
/* manmanคลิป1 */
google_ad_slot = "6206933421";
google_ad_width = 336;
google_ad_height = 280;
//</script>
<script src="https://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript">
</script>
</center>
<br />
การเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายโดยวิธีนี้จะมีผลนับแต่วันที่มีการจดทะเบียน ไม่ได้ย้อนหลัง<br />
ไปถึงวันที่เด็กเกิด ส่วนในกรณีที่เสนอคดีต่อศาล ให้มีผลในวันที่มีคำพิพากษาถึงที่สุด <br />
<br />
( ๓ ) มีการยื่นฟ้องต่อศาลขอให้มีคำพิพากษาว่า เด็กเป็นบุตรของฝ่ายชาย โดยมีข้ออ้างดังนี้ คือ <br />
<br />
• เมื่อฝ่ายชายข่มขืนกระทำชำเรา ฉุดคร่า หรือหน่วงเหนี่ยวกักขังหญิงมารดาโดย มิชอบด้วยกฎหมาย ในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ <br />
<br />
• เมื่อฝ่ายชายลักพาหญิงมารดาไปในทางชู้สาว หรือมีการล่อลวงร่วมประเวณี กับหญิงมารดาในระยะ เวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ <br />
<br />
• เมื่อมีเอกสารของฝ่ายชายแสดงว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน <br />
<br />
• เมื่อปรากฏในทะเบียนคนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรของฝ่ายชาย โดยมีหลักฐานว่า ฝ่ายชายเป็นผู้แจ้งเกิด หรือรู้เห็นยินยอมในการแจ้งนั้น <br />
<br />
• เมื่อบิดามารดาได้อยู่กินด้วยกันอย่างเปิดเผยในระยะเวลาซึ่งหญิงมารดาอาจ ตั้งครรภ์ได้ <br />
<br />
• เมื่อได้มีการร่วมประเวณีระหว่างฝ่ายชายกับหญิงมารดาในระยะเวลาซึ่งหญิงนั้นอาจตั้งครรภ์ได้ และมีเหตุ อันควรเชื่อได้ว่าเด็กนั้นมิได้เป็นบุตรของชายอื่น <br />
<br />
• เมื่อมีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าเป็นบุตรของฝ่ายชาย ซึ่งจะพิจารณาได้จากการแสดง<br />
ออกของฝ่ายชายว่า เป็นการปฏิบัติที่บิดาโดยทั่วไปพึงกระทำต่อบุตร <br />
<br />
ส่วนฝ่ายชายเองหากมิใช่บิดาของเด็กจะต้องพิสูจน์ลบล้างความเป็นบุตร ตามข้อสันนิษฐานความ<br />
เป็นบุตร โดยมีข้อหักล้างได้ ๒ กรณี คือ ตนไม่ได้อยู่ร่วมกับมารดาเกิดในระยะเวลา ตั้งครรภ์ คือระหว่าง ๑๘๐ วัน ถึง ๓๑๐ วัน ก่อนเด็กเกิด และกรณีที่ตนไม่สามารถเป็นบิดา ของเด็กได้ เพราะเหตุอย่างอื่น เช่น พิสูจน์ว่าตนเป็นหมัน หรือการพิสูจน์หมู่เลือดของตน และเด็กว่าอยู่คนละกลุ่มกัน เป็นต้น แต่หากฝ่ายชายผ ู้เป็นหรือเคยเป็นสามีเป็นผู้แจ้งทะเบียน คนเกิดว่าเด็กเป็นบุตรของตนด้วยตนเอง หรือจัดให้บุคคลอื่นแจ้ง ตลอดจนยินยอมให้มีการ แจ้งทะเบียนคนเกิดดังกล่าว ย่อมถือได้ว่าเป็นการกระทำอันตระหนักได้โดย ปริยายว่า ชายผู้เป็นสามียอมรับว่าเด็กนั้นเป็นบุตรที่แท้จริง จึงไม่อาจปฏิเสธใน ภายหลังได้ว่าเด็กนั้น<br />
มิใช่บุตรของตน <br />
<br />
ดังนั้น ทางแก้เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเด็กเป็นลูกของใครในภายหลัง หากต้องการจะอยู่กินกัน ฉันสามี ภรรยามีลูกหลานสืบสกุลก็ควรจะจดทะเบียนสมรส เพื่อให้การสมรสนั้นเป็นสิ่งที่ถูก ต้องตามกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลดีทั้งในแง่ของสถานะการเป็นสามีภรรยา รวมถึงบุตรที่จะเกิด มาในอนาคต แต่ในยุคปัจจุบัน มุมมองของผู้หญิงอาจจะเปลี่ยนไป คือ ข้อจำกัดในการเป็น สามีภรรยา อาจส่งผลทั้งในแง่ของการ ใช้นามสกุล ทรัพย์สินที่แต่เดิมเป็นสินส่วนตัวใช้คนเดียว เมื่อแต่งงานจะกลายเป็นสินสมรส ที่ต้องแบ่ง กันกินแบ่งกันใช้ ทำให้ผู้หญิงหลายคนไม่นิยม ที่จะจดทะเบียนสมรส ฉะนั้น ทางแก้ที่ดีที่สุดเมื่อผู้เป็นแม่ อาจไม่สามารถอยู่ดูแลลูกได้ใน<br />
<br />
อนาคต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใดๆ ก็ตาม ก็คือ การให้ผู้เป็นบิดาจดทะเบียนรับรองบุตร หรือยินยอมให้มีการจดทะเบียนรับรองบุตรเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเด็ก ขาดผู้แทน โดยชอบธรรม ในการให้ความยินยอมในการทำนิติกรรมต่างๆ ในภายหลัง แล้วอาจจะพลาด โอกาสในการเป็นนักเรียนทหารก็เป็นได้<br />
<br />
* ข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรหญิงเหล่า พระธรรมนูญ คนแรกของ ทร . <br />
ปัจจุบันรับราชการในตำแหน่ง รรก . อจ . ฝศษ . รร . นร ., จบการศึกษาจาก นิติศาสตร์บัณฑิต<br />
<br />
<b>ขอขอบคุณข้อมูลจาก</b><br />
<b>จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , นิติศาสตร์มหาบัณฑิต สาขา วิชากฎหมายระหว่างประเทศ </b><br />
<b>จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย</b>lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-1240895402934977769.post-68881481267720935752010-01-20T19:46:00.000-08:002016-12-31T01:02:38.941-08:00เมื่อเขาเปลี่ยนไปแล้วจะทำอย่างไร ใจเราเอ๋ย <b>พลเรือตรี ไพโรจน์ แก่นสาร </b><br />
<b>~ เมื่อเขาเปลี่ยนไป...แล้วจะทำอย่างไร ใจเราเอ๋ย ~</b><br />
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-siB8qDmMF14koGSlRDSt0K9VzIk06KMQ8k1dKwGU1mzdYGvpLkhAdwyH8SwcBtuiOz-3Fuop4jJcbjJ-1Q-Q1c6pyUHXQnfS9jt70U36pKzpdBmklCpukyHc9kjHg5wmzvJTnD2Lc-c/s1600/FB_IMG_1465539348636.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-siB8qDmMF14koGSlRDSt0K9VzIk06KMQ8k1dKwGU1mzdYGvpLkhAdwyH8SwcBtuiOz-3Fuop4jJcbjJ-1Q-Q1c6pyUHXQnfS9jt70U36pKzpdBmklCpukyHc9kjHg5wmzvJTnD2Lc-c/s400/FB_IMG_1465539348636.jpg" width="400" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;"><br /></td></tr>
</tbody></table>
<b>คงไม่มีใครปฏิเสธว่าในภาวะปัจจุบันปัญหาสังคมที่สำคัญประการหนึ่ง..</b><br />
<b>ก็คือ การมีชีวิตสมรสที่ไม่ราบรื่น </b>ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของตนแต่ละคู่มักมีลักษณะเฉพาะ ผิดแผกไปจากคู่อื่นมากบ้าง น้อยบ้าง ส่วนที่จะคล้ายคลึงกันเกือบทุกรายก็คือ หาความพึงพอใจอย่างแท้จริงได้ยาก มักมีเรื่องระหองระแหงกันมากขึ้นเมื่ออยู่กันนานวันเข้า ยิ่งมีลูกมีเต้าด้วยกันแล้วหลายคู่ก็จำใจอยู่กัน ไปอย่างหวานอมขมกลืน หาทางออกผิด ๆ ด้วยการปันใจไปให้คนอื่นก็มีไม่น้อย ถ้าเป็นฝ่ายชายก็เรียกว่า นอกใจ ส่วนฝ่ายหญิงถูกกล่าวหาแรงกว่าด้วยคำว่า “ มีชู้ ” หรือ สวมเขาให้สามี ซึ่งดูไม่เป็นธรรมเท่าใดนัก นัยว่ากำลังมีการต่อสู้เพื่อความมีสิทธิเท่าเทียมด้วยการปรับแก้ถ้อยคำ ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องกันอยู่ <br />
<br />
หากจะมีการตั้งประเด็นให้ร่วมกันถกแถลงว่า ในกรณีที่สามีแอบปันใจไปให้หญิงอื่น ถึงขั้นยอมรับเป็นบ้านของตนอีกหลังหนึ่งนั้น ผู้เป็นภรรยา ( ตามกฎหมาย ) ควรจะปรับตัวทำใจอย่างไร คงมีแง่คิดมุมมองที่ค่อนข้างหลากหลายที่เดียว โดยร่วม ๆ แล้วค่อนไปทางประณามฝ่ายชายว่าเห็นแก่ตัว บางรายยื่นคำขาดให้สามีเลือกฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นฝ่ายบอกลาเสียเอง เมื่อเห็นคนอื่นดีกว่าก็ทางใครทางมัน ตัดใจยกให้ไปดื้อ ๆ เลย <br />
<br />
บ้างก็ลงเอยด้วยการฟ้องร้องแบ่งสมบัติและขอค่าเลี้ยงดู เสียหายไปด้วยกันทุกฝ่าย ทั้งในเรื่องหน้าที่การงานและความล่มสลายของครอบครัว ลูกเต้าพลอยลำบาก ทุกข์กายทุกข์ใจตามไปด้วย แล้วทางออกเช่นใดล่ะที่น่าจะดีกว่านี้ คงมีอยู่แน่และหลายวิธีเสียด้วย เลือกเอาแนวทางที่ หลงพ่อจรัญ ( เจ้าอาวาสวัดอัมพวัน และเจ้าคณะจังหวัดสิงห์บุรี ) ท่านแนะนำสานุศิษย์มาเล่าสู้กันฟังก็แล้วกันเห็นด้วยหรือไม่เพียงใดก็สุดแต่ดุลยพินิจของแต่ละท่านนะครับ <br />
<br />
ท่านเริ่มต้นด้วยการโน้มน้าวให้ผู้เป็นภรรยาทั้งหลายมองหาแง่ดีของการมีสามีเจ้าชู้ว่า เป็น เกียรติแก่ตัวเองที่เลือกคนไม่ผิด จึงเป็นที่ถูกตาต้องใจหญิงอื่นด้วย ทำมาหากินก็มักจะได้ผล โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักธุรกิจ คนเจ้าชู้มักจะประสบความสำเร็จในการเจรจาเรื่องต่าง ๆ มากกว่าคนทั่วไป ในทางกลับกัน ถ้าสามีใครไปไหนไม่มีใครสนใจเพราะไร้เสน่ห์ ภรรยาควรพิจารณาตัวเองเหมือนกันว่าเลือกคนผิดหรือ เปล่า <br />
<br />
เมื่อเหตุการณ์เลยเถิดไปถึงขั้นสามีตนไปอยู่กินกับหญิงอื่น หลวงพ่อสอนว่าให้ภรรยาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูกให้ดี อย่าไปด่าว่าพูดจากระทบกระเทียบหรือตามราวีบ้านเล็ก มันอาจจะทำให้บ้านใหญ่แตกเร็วขึ้น โดยไม่จำเป็น <br />
<br />
หลายคนคงนึกในใจว่าหลวงพ่อเข้าข้างผู้ชายด้วยกัน ไม่ใช่เช่นนั้นครับ ท่านมีเหตุผลที่ชวนรับฟัง ที่เดียว ท่านแนะนำให้ทำใจคิดแทนฝ่ายชาย เข้าบ้านหนึ่งพบคนหน้าบอกบุญไม่รับ ต่อว่าต่อขานด้วยถ้อยคำเสียดสี เชือดเฉือนความรู้สึก ซักโน่นถามนี่ ใจขณะที่อีกบ้านหนึ่งพูดจาอ่อนหวานเอาใจสารพัด เขาจะอยากเข้าบ้านไหนมากกว่ากันอีกแง่คิดหนึ่งท่านสอนว่า เมื่อเขาเป็นคนไม่ดีที่คิดนอกใจเรา จะไปมัวหึงหวงดึงเขามาอยู่กับเราเพื่ออะไร จะกลับบ้านเมื่อใดหรือไม่ก็อย่าไปสนใจนัก เพราะเขากลายเป็นคนเลวไปแล้ว เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นใช่ไหมครับ <br />
<br />
นอกจากนี้ท่านยังแนะนำให้ผู้เป็นภรรยาทำบุญรักษาศีลและสวดมนต์เจริญกุศลภาวนาให้มาก ขึ้น อุทิศส่วนกุศลให้สามีและคนที่เขาไปอยู่กินด้วยทุกครั้งไป ขอให้เขามีความสุขความเจริญและสมหวังยิ่ง ๆ ขึ้นไป โดยให้ระบุชื่อหญิงคนใหม่ด้วย และให้ทำด้วยความปรารถนาดีจริง ๆ มิใช่ระบายความเก็บกดหรือประชดชีวิตให้มันสะใจ เล่น ๆ ไปอย่างนั้นเอง <br />
<br />
หลวงพ่อให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า หากฝ่ายหญิงปรับตัวทำใจเช่นนั้นแล้ว ผลดีประการแรกก็คือความสงบสุขในครอบครัว ลูกเต้าไม่พลอยระส่ำระสายไปด้วย ใจตัวเองก็คงรู้สึกฝืน ๆ อยู่ในช่วงแรกแต่จะค่อย ๆ สงบเย็นลงได้จริงในเวลาต่อมา เกิดสติปัญญาหาทางออกที่เหมาะสมให้กับครอบครัวโดยรวมได้ <br />
<br />
ในส่วนของฝ่ายชายเองนั้น ถ้าไม่เป็นคนใจทิมฬหินชาติจนเกินไป ย่อมมีความรู้สึกผิดและเกรงกลัวภรรยาอยู่ลึก ๆ เป็นทุนเดิมบ้างแล้ว ในความเหลวไหลไร้สาระของตน เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งต่อสู้ด้วยสัมมาปฏิบัติเช่นทีหลวงพ่อท่านแนะนำข้างต้นนั้น ก็จะยิ่งเกิดสำนึกในทางที่ถูกที่ควรมากขึ้นและพยายาม หาทางแก้ปัญหาที่เหมาะสมเอง หลวงพ่อท่านสรุปแบบฟันธงไว้ในทำนองที่ว่า ไม่ช้าก็จะกลับมาตายรัง เดิม <br />
<br />
ในทางกลับกัน สำหรับรายที่ภรรยาทำใจไม่ได้ มีแต่ไฟแค้นแน่นอก เลือกวิธีรบแตกหักซักฟอกอีกฝ่ายแบบไล่เบี้ยจนกว่าจะจนมุม หรือไม่ก็ตามไปราวีอีกบ้าน จนกว่าจะรู้แพ้รู้ชนะกันไปข้างหนึ่ง ซึ่งเท่ากัน เป็นการบีบบังคับให้คนกลางต้องตัดสินใจใน เรื่องใหญ่ในเวลาอันสั้น บางรายก็เลือกที่จะพึ่งบารมีศาล ฟ้องร้องกันไป ในที่สุดก็มักลงเลยด้วยการแยกทางกัน บ้างก็พบภายหลังว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกทางแล้ว ดีกว่าอยู่กันไปอย่างไม่มีใครสุขจริง ในขณะที่บางรายรู้สึกเสียใจในเวลาต่อมามีปัญหาต่าง ๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะด้านจิตใจของลูก ๆ ที่อาจจะใช้ชีวิตอย่างมีปมด้อยต่อไป รวมทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจของครอบครัวที่อาจไม่เข้มแข็งมั่นคงดังเดิม <br />
<center>
<script async="" src="//pagead2.googlesyndication.com/pagead/js/adsbygoogle.js"></script>
<!-- man11 -->
<ins class="adsbygoogle" data-ad-client="ca-pub-3134526468117619" data-ad-format="auto" data-ad-slot="8129348386" style="display: block;"></ins>
<script>
(adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({});
</script>
</center>
<br />
<b>การแก้ปัญหาชีวิตคู่ไม่มีสูตรสำเร็จ</b>ครับ เพราะความไม่ลงตัวที่เกิดขึ้นกับแต่ละ ครอบครัวมักมีลักษณะเฉพาะ ที่ไม่ซ้ำแบบกัน ทั้งในส่วนของสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้น ตัวแปรสำคัญก็คือผู้แสดงนำทั้งสองที่เป็นหลักของครอบครัว หากมีความหนักแน่นมั่นคงทางจิตใจ และมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนร่วมกันในอันที่จะประคับประคองครอบครัวโดยรวมไว้ให้ได้ การพบทางออกที่ดีย่อมเกิดขึ้นได้ไม่ยากโดยเฉพาะฝ่ายภรรยาน่าจะมีบทบาทมากกว่าในการแก้ปัญหาเช่นนี้ ท่านจะเลือกวิธีได้ก็สุดแต่ใจปรารถนา ขึ้นอยู่ที่ว่าท่านใช้อะไรเป็นเกณฑ์ตัดสินครับ ความเจ็บแค้นที่รู้สึกว่า ถูกสามีข่มเหงน้ำใจอย่างไม่เป็นธรรม หรือ อนาคตของทุกคนในครอบครัว ทำอย่างไรจึงจะให้ส่วนร่วมเสียหายน้อยที่สุดที่สำคัญคือลูกที่เขามิได้มีส่วนร่วมก่อปัญหาด้วย หากคิดอะไรไม่ออกก็เลือกเชื่อและปฏิบัติตามคำสอนหลวงพ่อจรัญท่านไปก่อนก็แล้วกัน <br />
<div align="center">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<b>รักให้เป็น</b></div>
<div style="text-align: center;">
เพราะแรงรักหนักเพียงไหนใจพร้อมสู้<br />
เดินเคียงคู่กู้วิกฤตไม่คิดถอย</div>
<div style="text-align: center;">
หมายเรืองรุ่งมุ่งสู่วันที่ฝันคอย<br />
ทุกข์ทยอยค่อยค่อยสร่างห่างเราไป</div>
<div style="text-align: center;">
ร่วมสรรค์สร้างทางใหม่ให้ชีวิต<br />
ถึงลองถูกลองผิดลิขิตไป</div>
<div style="text-align: center;">
มีความรักความหวังพลังใจ<br />
ผ่านพันภัยในทุกที่เมื่อมีเธอ</div>
<div style="text-align: center;">
มาวันนี้เธอมีใจให้หญิงอื่น<br />
ฉันขมขื่นตื่นจากฝันอ้นเพ้อเจ้อ </div>
<div style="text-align: center;">
คิดไม่ออกบอกไม่ได้คล้ายละเมอ<br />
ไม่อยากเจอกลับเผลอใจเหมือนไม่จำ</div>
<div style="text-align: center;">
ยังรักเขาหรือเปล่านั้นมันยากเอ่ย<br />
ใครไม่เคยเผยตรงตรงคงนึกขำ</div>
<div style="text-align: center;">
อยากตัดใจไปให้พ้นคนใจดำ<br />
ครั้นฟังคำเขาพร่ำวอนก็อ่อนโยน</div>
<div style="text-align: center;">
ด้วยแรงรักฟักไฟแค้นไว้แน่นอก<br />
ปลงไม่ตกจึงวกเวียนเปลี่ยนนี่โน่น</div>
<div style="text-align: center;">
แม้ขาดเขาเราอยู่ได้ไม่เอนโอน<br />
อยากกระโจนตะโกนก้องร้องไชโย</div>
<div style="text-align: center;">
ครั้งคำนึงถึงคืนวันอันอ้างว้าง<br />
คนข้างข้างหากห่างเขาคงเศร้าใจ</div>
<div style="text-align: center;">
เห็นเพียงเราคงเหงาหงอยพลอยเยโย<br />
อาจเติบโตอย่างโง่เขลาเบาปัญญา</div>
<div style="text-align: center;">
คิดไม่ตกจึงพกความไปถามพระ<br />
ฟังธรรมะค่อยละได้เลิกใบ้บ้า</div>
<div style="text-align: center;">
อันรักแท้ที่แน่นั้นหมั่นตรึกตรา<br />
รักชีวารักษาใจให้เยือกเย็น</div>
<div style="text-align: center;">
เมื่อจิตใสใจสงบพบคำตอบ<br />
เรื่องผิดชอบใคร่ครวญดูย่อมรู้เห็น</div>
<div style="text-align: center;">
เลือกทางถูกปราศทุกข์ภัยไม่ก่อเวร<br />
รักให้เป็นเช่นนี้ได้ใจสุขเอย .</div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
นรชาติ</div>
<div style="text-align: center;">
๓๐ เมษายน ๒๕๔๙</div>
lifehttp://www.blogger.com/profile/03118691184389798771noreply@blogger.com